รีวิวหนัง BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE ดังแต่ไม่โดน!! แฟนการ์ตูนเท่านั้นที่รอด!!

Batman V Superman: Dawn of Justice การปะทะกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของซูเปอร์ฮีโร่อย่าง แบทแมน และ ซูเปอร์แมน กำกับโดย เเซ็ค ชไนเดอร์ เล่าถึงเหตุการณ์หลัง นายพล ซ็อด เอเลี่ยนดาวคริปตอนรุกรานโลกเพื่อประกาศหาตัว คลา เอล เอเลี่ยนจากดาวดวงเดียวกับเขา แต่สิ่งที่ ซ็อด ไม่รู้เลยก็คือ คลา เอล หรือ คลาร์ก เคนท์ ได้รับการเลี้ยงดูและปลูกฝังให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มีเสรีภาพในการเลือก “สิ่งที่จะทำ” ได้มากกว่าตน จาก โจนาธาน และ มาร์ธา เคนท์ ครอบครัวชาวไร่จากแคนซัส ทำให้เป้าหมายทั้งสองต่างกันจนเกิดการต่อสู้และนายพลซ็อดพ่ายแพ้จนจบชีวิตลง



18 เดือนหลังจากเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า แบล็ก ซีโร่ ประชาชนทั่วโลกต่างได้รู้จักกับ ซูเปอร์แมน เขาได้ช่วยเหลือเหล่ามนุษย์จากภัยพิบัติต่างๆ เกิดศรัทธาจนบางคนเรียกเขาว่า พระเจ้า มีการสร้างอนุเสาวรีย์รูปปั้น ซูเปอร์แมน ในเมืองเมโทรโพลิส แต่ถึงจะมีคนเยินยอเขาแต่ก็ยังมีคนที่เกลียดเขาเพราะผลกระทบจากการมาเยือนโลกของเขา และหนึ่งในคนที่ไม่พอใจในการมาเยือนของ ซูเปอร์แมน ในครั้งนี้คือ บรูซ เวย์น มหาเศรษฐีที่ได้โดนผลจากการต่อสู้ของ ซูเปอร์แมน กับ ซ็อด ตึกบริษัทการเงินของเขาในเมืองเมโทรโพลิส ถล่มเสียหาย พนักงานล้มตายและพิการ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้กันอยู่แล้วคือ มหาเศรษฐีคนนี้ยังสวมบทมนุษย์ค้างคาวปราบปรามอาชญากรในเมืองก็อธแธมในนาม แบทแมน และนี่คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง คำถาม และ โศกนาฎกรรมที่ไม่ค่อยจะเห็นนักในหนังฮีโร่

[caption id="attachment_41782" align="aligncenter" width="680"] www.worldscreen.com.tw[/caption]

กล่าวถึงข้อเด่นข้อด้อยของหนังเรื่อง Batman V Superman: Dawn of Justice จากกระแสเสียงแตกของคนดูที่แยกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ถ้าคุณไม่รักก็เกลียดหนังเรื่องนี้ไปเลย

ข้อเด่นของ Batman V Superman: Dawn of Justice คงเป็นที่การที่เราได้ตัวละครอย่าง แบทแมน วันเดอร์วูแมน ซูเปอร์แมน มาอยู่บนจอเดียวกัน พร้อมฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็มน่าขนลุกการที่ได้เห็น แบทแมนและซูเปอร์แมน ต่อสู้กัน ดูแล้วมีความรู้สึกหวาดหวั่นในบางอย่างเหมือนบางอย่างกำลังพังทลายลงเรื่องไม่ควรเป็นแบบนี้เหมือนเป็นตัวละครที่เราผูกพันมาตั้งแต่เด็กและเราไม่อยากให้ทั้งสองต้องสู้กันแต่ถึงจะรู้สึกแบบนั้น ฉากการต่อสู้ของทั้งสองก็ยังสนุกอยู่ดี และการขยายจักรวาลดีซีที่เปิดเผยตัวละครต่างๆ เพื่อส่งเสริมเนื้อเรื่องไปยังภาพยนต์รวมดาวฮีโร่อย่าง  Justice League ไม่ว่าจะเป็น อะควาแมน, เเฟลช และ ไซบอร์ก

[caption id="attachment_41671" align="aligncenter" width="1200"] http://www.space.ca/[/caption]

ซึ่งข้อด้อยของหนัง Batman V Superman: Dawn of Justice คือมันถูกสร้างมาเพื่อคนที่มีพิ้นฐานเรื่องซูเปอร์ฮีโร่หรืออ่านการ์ตูนของ ดีซี คอมมิค มาก่อนพอประมาณ แฟนการ์ตูนจะสามารถสนุกกับเนื้อเรื่องได้อย่างง่ายดายแต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยอ่านการ์ตูนมาก่อน ในช่วงแรกของหนังค่อนข้างน่าเบื่อและดูไม่รู้เรื่องจากการที่หนังใช้การตัดต่อที่สลับไปมาชวนในคนดูเกิดการสับสนและไม่ประติดประต่อ เหตุผลของตัวละครที่ไม่เข้าท่า ซึ่งหนังไม่คิดจะอธิบายเลยว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น

ซึ่งกระแสด้านลบนี่เองที่ทำให้บรรดาเเฟนหนังที่คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้พากันบ่นด่าและวิจารณ์ Batman V Superman: Dawn of Justice แบบเสียหายจนมันเป็นกระแสด้านลบที่มีผลกระทบในวงกว้างว่าหนังเรื่องนี้ห่วยเกินไปกว่าที่ควรจะเป็น แต่รายได้ใน 5 วันแรกของหนังก็กลายเป็นสิ่งที่เข้ามาต่อต้านกระแสด้านลบนี้ เพราะตั้งแต่วันที่หนังฉายจนปัจจุบันนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 - 30 มีนาคม 2559 หนังกวาดรายได้เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว $193,228,006 เหรียญ ซึ่งทำลายสถิตฉายเปิดตัวหนังหลายๆ เรื่องในเดือนเดียวกันขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ และรายรับทั่วโลกไปแล้วที่ $501,828,006 เหรียญ ซึ่งจากที่สังเกตุถึงทุนสร้าง $250 ล้านเหรียญก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแต่หากรวมงบโฆษณาไปด้วยแล้วล่ะก็ หนังต้องทำรายได้กว่า $800 ล้านเหรียญถึงจะเรียกได้ว่ารอดพ้นและสามารถเดินหน้าโปรเจ็คหนังในจักรวาลดีซีได้อย่างไม่เจ็บตัวนัก

ซึ่งก็อาจจะยากสักหน่อยเพราะกระแสด้านลบของหนังทำให้หลายๆ คนไม่กล้าที่จะเสี่ยงเข้าไปดูในโรงเหมือนกัน อีกทั้งความยาวของหนังกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งก็ทำให้ขายยากขึ้นไปอีก อีกทั้งต้องมาผจญกับการตัดต่อที่ไม่ลื่นไหลและบทที่ไม่เข้าใจ ถือเป็นการเสียอรรถรสโดยใช่เหตุ

[caption id="attachment_41776" align="aligncenter" width="1024"] www.inverse.com[/caption]

แต่ถึงกระนั้นพลังของเหล่าเเฟนการ์ตูนที่รักและชื่นชอบในตัวละครก็ยังคงเป็นเกราะป้องกันชั้นดีให้กับหนังเรื่่องนี้อีกทั้งการที่ เเซ็ค ชไนเดอร์ ได้เปิดเผยถึงเวอร์ชั่นความยาว 3 ชั่วโมง และ เรทภาพยนต์ที่ เรท R จะปล่อยออกมาลงเเผ่น DVD และ Blu-Ray ก็ทำให้กระแสความอยากดูหนังเรื่องนี้ของเหล่าเเฟนๆ กลับทวีเพิ่มมากขึ้นและบ่นด่าไปในเวลาเดียวกันว่าทำไมต้องมีการตัดบางฉากออกไป หนังจะดีขึ้นหรือไม่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นเต็มแต่ เเซ็ค ชไนเดอร์ ก็แจงเหตุผลที่เขาต้องตัดตัวหนังบางส่วนออกไปว่า "มันทำให้ฉายง่ายขึ้นในเรท PG-13 และเขาก็ยังไม่ใช่ เจมส์ คาเมรอน ที่จะบอกทางค่ายหนังว่า ถ้าหนังมัน 3 ชั่วโมง มันก็ต้อง 3 ชั่วโมง" แหละนี่คือปรากฎการณ์ที่ Batman V Superman: Dawn of Justice สร้างขึ้นคือ มีทั้งคนรักและคนเกลียดหนังเรื่องนี้ไปเลย และแฟนการ์ตูนเท่านั้นที่รอดจากการชมภาพยนต์เรื่องนี้ เพราะหนังขาดแคลนเหตุผลและบทที่ลื่นไหล คนดูอาจผิดหวังแต่ว่าหนังก็ไม่ได้ขาดแคลนความสนุกในฉากแอ็คชั่นเลย และสามารถตอบโจทย์ความฝันในวัยเด็กของผู้เขียนได้ตรงที่ผู้เขียนเองเคยเอาโมเดลของทั้ง แบทแมน และ ซูเปอร์แมน มาเล่นต่อสู้กันมันเป็นเเค่การเล่นในวัยเด็กแต่ว่าวันนี้มันก็เกิดขึ้นจริงแล้วบนโลกภาพยนต์

Batman V Superman: Dawn of Justice เล่าเรื่องราวโดยอาศัยบริบทของตัวละครที่แตกต่างกัน นำไปสู่เรื่องราวอันน่าขมขื่นเมื่อมองให้ลึกลงไป ตัวละครแต่ล่ะตัวก็ต่างมีเหตุผลเป็นที่ผลักดันในเกิดการกระทำของตน

บรูซ เวย์น : การไถ่บาป

[caption id="attachment_41670" align="aligncenter" width="624"] kg-portal.ru[/caption]

บรูซ เวย์น สูญเสียพ่อแม่ โธมัสและมาร์ธา เวย์น จากการเหตุโจรปล้นชิงทรัพย์ ซึ่งเขาไม่สามารถช่วยเหลือทั้งสองได้ บรูซต้องเฝ้ามองทั้งสองค่อยๆ หมดลมหายใจไป หลังจากนั้นด้วยปมในใจ เขาเดินทางฝึกฝนร่างกาย สร้างตัวตนของอัศวินรัตติกาล แบทแมน ที่คอยปราบปรามเหล่าอาชญากรในก็อธแธม เขาทุ่มเทกับหน้าที่นี้มาเป็นเวลา 20 ปีแต่อยากที่ บรูซ พูด อาชญกรรมก็เหมือนกับวัชพืช ถอนไปหนึ่งก็จะขึ้นมาอีกมากมาย เขาใช้ชีวิตเป็นแบทแมนเพื่อไถ่บาปในใจของตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องพ่อและแม่ได้ เมื่อวันหนึ่งที่ ซูเปอร์แมน ปรากฎตัวขึ้น ความแคลงใจของเขาต่อ ซูเปอร์แมน ก็หนักข้อขึ้น ว่าเขามาดีหรือมาร้าย ความอ่อนแอของมนุษย์ พละกำลังของ แบทแมน ที่ไม่เพียงพออีกต่อไป เมื่อมียอดมนุษย์มาปรากฎตัวตรงหน้า แบทแมนเป็นตัวอย่างที่ดีของมนุษย์ที่ไม่งอมืองอเท้าขอความช่วยเหลือจากใคร เขาคิดหาวิธีและลงมือปฏิบัติในสิ่งที่เขาคิดว่าจำเป็น และไม่ยอมแพ้ของโชคชะตา ทำให้เขาเลือกที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะต่อกรกับสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเป็นกลไกการป้องกันตัวของมนุษย์ เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดแตกหักและความคลุมเคลือทั้งหมดจางไปการไถ่บาปในใจของ บรูซ หลังจากการช่วยเหลือ มาร์ธา เคนท์ แม่ของ คลาร์ก เคนท์ หรือ ซูเปอร์แมน ก็เป็นจุดเริ่มต้นของพันธกิจและเป้าหมายต่อไปของ แบทแมน ในการต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

เล็กซ์ ลูธอร์ : ความวิปลาส

[caption id="attachment_41668" align="aligncenter" width="619"] moviepilot.com[/caption]

มหาเศรษฐีของเมืองเมโทรโพรลิส ผู้ซึ่งมีเป็นผู้ริเริ่มที่จะฟื้นฟูเมืองขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์ แบล็ค ซีโร่ เขาต้องการที่จะผลักดันให้เกิดการวิจัยวิทยาการของชาวดาวคริปตอน เพื่อนำมาสร้างอาวุธ เขาอ้างว่าเพื่อป้องกันตนเองและสะสมกำลังเอาไว้ แต่ความเป็นจริงแล้วความกระหายของเขามีมากกว่านั้น เล็กซ์ ต้องการเข้าไปยังยานอวกาศของคริปตอนที่ตกในเมืองเมโทรโพรลิส และอยากได้ศพของ นายพลซ็อด มาทำการทดลองบางอย่างซึ่งก็ได้รับการอำนวยความสะดวกจากนักการเมืองผู้เห็นประโยขน์จากการนี้ มาถึงตอนนี้ส่งเสริมคำพูดของเขาที่พูดว่า การมีอำนาจคือความชอบธรรม เขาอยากจะทำอะไรก็ได้หากมีเงินและอำนาจเพียงพอ สภาพจิตอันไม่สมประดีของ เล็กซ์ จากการที่ถูกพ่อทุบตีในวัยเด็กความบอบช้ำในจิตใจมองว่าพระเจ้าไม่มีจริง หรือหากว่ามีจริงๆ พระเจ้าก็เลว เป็นการสะท้อนในเหตุผลที่ทำให้เขาเกลียดชังในตัว ซูเปอร์แมน เพราะเขาไม่สามารถเอาคืนใครได้แล้วด้วยพ่อได้ตายไป จน ซูเปอร์แมน ปรากฎตัวขึ้นมา เขามีพลังราวกับเป็นพระเจ้า ทำให้ เล็กซ์ อยากจะดึง ซูเปอร์แมน ลงมาร่วงลงดิน สิ่งที่เขาทำคือการวางหมากสร้างสถานการณ์ไว้อย่างแยบยล เพื่อให้เกิดการต่อสู้ของ แบทแมน และ ซูเปอร์แมน เริ่มตั้งแต่วางแผนจัดฉากใส่ร้าย ซูเปอร์แมน ในแอฟริกา ที่รัฐสภา และการบีบบังคับ ซูเปอร์แมน ให้ไปสู้กับ แบทแมน จนท้ายที่สุดการสร้างอสูรกายอย่าง ดูมส์เดย์ ก็ทำให้ทุกสิ่งอย่างพังพินาศได้จากการอยากจะเอาชนะปมด้อยในใจของเขา

ลูอิส เลน : ความรัก

[caption id="attachment_41669" align="aligncenter" width="680"] www.ceniscoop.co.vu[/caption]

นักข่าวสาวคนเก่งของ เดลี่ แพลนเน็ต ผู้ที่รู้ถึงตัวตนที่แต่จริงของ ซูเปอร์แมน และยังเป็นคนรักของเขาอีกด้วย สิ่งที่ลูอิส ทำให้ครั้งนี้ยังคงเป็นการทำงานในหน้าที่ของนักข่าวได้อย่างดี การสืบหาความจริงแบบเฉพาะตัว ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ลูอิสเหมือนจะเป็นคนที่เดินเขาไปหาปัญหาด้วยตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือความรักของเธอกับ คลาร์ก เคนท์ (ซูเปอร์แมน) ที่เชื่อมั่นในตัวเขาเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่าศรัทธาในตัวเขาเลยทีเดียว และบางการกระทำที่ไม่ค่อยจะมีเหตุผลของเธออยากเช่นช่วงหาหอกคริปโตไนท์ทั้งที่ตัวเองก็เพิ่งจะทิ้งมันไปเองกับมือ ก็คงเรียกได้ว่าเพราะเธอมีความรักที่ไม่อยากให้อะไรมาทำร้ายคนที่เธอรักเป็นอันขาดจึงตัดสินใจทำแบบนั้น เพราะความรักทำให้ผู้คนเขลาลง บริบทของ ลูอิส เลน ในเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้น

ไดอาน่า : ความเมตตา

[caption id="attachment_41755" align="aligncenter" width="605"] www.kupaman.com[/caption]

ไดอาน่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ วันเดอร์วูแมน ฮีโร่หญิงของ Dc Comic ตัวละครที่เปิดตัวสร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่าแฟนๆ หนังสือการ์ตูน การปรากฎตัวของเธอในช่วงแรกในงานการกุศลของ เล็กซ์ ลูธอร์ พร้อมด้วยจุดประสงค์ในการลบล้างตัวตนเหตุเพราะ เล็กซ์ กำลังสืบหาตัวตนของเธอและเหล่าผู้มีความสามารถพิเศษคนอื่นๆ ซึ่งในเรื่องเรียกพวกเขาว่า เมตาฮิวแมน ซึ่ง บรูซ เวย์น เป็นคนสังเหตุเห็นและเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ ก่อนที่เขาจะพบความจริงที่ว่าเธอมีอายุที่ยืนยาวมาหลายร้อยปี ในหนังไม่ได้บอกถึงอายุที่แท้จริงของ ไดอาน่า แต่ก็มีหลักฐานบางอย่างที่ว่าเธออยู่มากกว่าร้อยปีอย่างแน่นอน สิ่งที่เธอตามหาจากเล็กซ์เป็นรูปภาพที่บ่งบอกถึงความเป็นอมตะของเธอนั้นเอง สิ่งที่ขับเคลื่อนเธอคือความสันโดษที่หันหลังให้กับการต่อสู้ของมนุษย์มายาวนานและอยากลบล้างตัวตนไม่ให้มีใครสงสัยเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ แต่เมื่อผลพวงจากการกระทำของ เล็กซ์ ลูธอร์ อสูรกายที่เขาได้สร้างขึ้นมาเข่นฆ่าและทำลายล้างเมืองเมโทรโพลิส ความเมตตาที่เธอมีต่อมนุษย์ก็กลับมาอีกครั้ง ที่จะเข้าไปร่วมศึกที่ไม่ใช่ศึกของตนเองทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอกำลังเลือกจะเดินทางหนีไปก็ตาม แต่เธอกลับมาต่อสู้เป็นกำลังช่วยเหลือแบทแมนและ ซูเปอร์แมน ด้วยอาวุธที่คุ้นตา ดาบและโล่ห์ ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกชนิดและบ่วงบาศ์กแห่งความจริงที่ใช้รัดศัตรู เธอคือกุญแจที่ไขพาเหล่าคนดูสู่จักรวาลหนังของ ดีซี อย่างแท้จริง

คลาร์ก เคนท์ : ความรับผิดชอบ

[caption id="attachment_39813" align="aligncenter" width="605"] Warner Bros.[/caption]

หลังจาก คลาร์ก เคนท์ หรืออีกตัวตนหนึ่งคือ ซูเปอร์แมน ได้อพยพมากับยานอพยพของคริปตอน ลงมายังโลก และได้รับการเลี้ยงดูจาก โจนาธาน และ มาร์ธา เคนท์ เขาได้พบกับบททดสอบมากมายและกลายเป็น ซูเปอร์แมน บุรุษเหล็กที่เป็นความหวังของผู้คน เมื่อวิกฤตความศรัทธาและหวาดระแวงไม่อาจจะเดินทางไปร่วมกันได้ คลาร์ก ต้องมานั่งรับฟังคำถามสังคมที่แคลงใจในตัวเขา คำวิจารณ์ต่างๆ ถึงบริบทของเขาในสังคม ทำให้เขาต้องออกมารับผิดชอบ การที่เขาเดินทางมายังรัฐสภาเพื่อเข้าชีิแจงกับมนุษย์นั้นถือว่า คลาร์ก ยอมรับในตัวตนของเขาว่าเป็นชาวโลก มากกว่าการทะนงตนเองว่าเป็นเผ่าพันธุ์เหนือกว่าจากดาวคริปตอน และถึงแม้ว่าเขาจะช่วยเหลือมนุษย์จากภัยต่างๆ ได้มากเพียงใด แต่นั้นก็มิอาจจะทำให้มนุษย์พอใจ เพราะพลังอำนาจที่ คลาร์ก มีนั้นใกล้เคียงกับสิ่งที่ในหนังอ้างว่าเป็นพระเจ้า ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดูหมื่นเหม่ เพราะมนุษย์ชอบโทษสิ่งอื่นไม่ใช่ตนเองเมื่อเกิดเรื่องร้ายๆ และ ซูเปอร์แมน เองก็ไม่เคยแสดงความเห็นอย่างจริงจังให้กับสาธารณชนถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของตนเอง ซูเปอร์แมน จึงกลายเป็นเหยื่อของความศรัทธา คำวิพากษ์วิจารณ์หรือแม้แต่เป้าหมายในการโค่นล้ม แต่หนังก็เสนอแง่มุมมองความเป็นจริงที่ว่าต่อให้ ซูเปอร์แมน เก่งกาจมากมายเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้ทั้งหมด

[caption id="attachment_41777" align="aligncenter" width="589"] www.slashfilm.com[/caption]

สิ่งที่เขาแบกรับเป็นความคาดหวังที่จะเป็นฮีโร่ที่ โจนาธาน เคนท์ สอนเอาไว้แต่ใน Batman V Superman Dawn of Justice คลาร์ก ได้เรียนรู้แล้วว่า เขาไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้และ เมื่อไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้ การมีอยู่ของเขานั้นจึงเป็นข้อถกเถียงกันถึงความจำเป็น ศีลธรรมของคนดีอย่าง ซูเปอร์แมนที่โดนปลุกปั่นโดย เล็กซ์ ลูธอร์ ก็เป็นตัวตอกย้ำว่าโลกนี้คนที่ตั้งใจเป็นคนดีนั้นอยู่ยาก ไม่สามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขเพราะต้องมีสถานะการณ์ที่มาบีบบังคับและทำให้ศีลธรรมในใจตนเองสั่นคลอน แต่โศกนาฏกรรมในช่วงสุดท้ายของหนังก็บอกเราว่า ซูเปอร์แมน คือคนดีที่แท้จริงและหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน สิ่งที่ คลาร์ก ต้องแบกรับคือความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงต่อโลกใบนี้ มันอาจจะเป็นเพียงการปกป้องผู้หญิงที่รักอย่าง โลอิส เลน ที่เธอเปรียบเสมือนเป็นโลกทั้งใบของเขาก็เป็นได้

---