การ “ลดขยะ ปรับภูมิทัศน์ ฟื้นฟูป่า” ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่กลุ่มเซ็นทรัลพยายามดำเนินการ แต่ครั้งนี้ เซ็นทรัลขอโฟกัสแบบตรงจุดและจริงจัง ผ่านโครงการ Central Group Love the Earth ซึ่งมีเป้าดำเนินการถึงปี 2030 และกำลังจะทำแผนต่อไปอีกอย่างต่อเนื่อง
“ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ประธานกรรมการ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และที่ปรึกษา Central Group Sustainability บอกว่า กรอบความคิดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน คือ การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว การคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนรวม และการสร้างธุรกิจเติบโตทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพทั้งของเก่าและใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลจัดการกับสิ่งเหล่านี้ภายใต้ 4 เสาหลัก คือ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency) การบริหารจัดการขยะมูลฝอย (Waste Management) และ การบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain Management) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนแก่คนรุ่นหลังต่อไป ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ขององค์การสหประชาชาติ 4 ข้อ ได้แก่ ด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (SDG13), การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน (SDG12), การพัฒนาเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืน (SDG11), การมีนํ้าสะอาดและการมีสุขอนามัยที่ดี (SDG6)
“พิชัย จิราธิวัฒน์” กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ในปีนี้กลุ่มเซ็นทรัลโฟกัสในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ผ่านแคมเปญ “เซ็นทรัล กรุ๊ป เลิฟ ดิ เอิร์ธ” โดยการสร้างประโยชน์ทั้งในระดับองค์กร ชุมชน และมหภาค ผ่าน 3 โครงการหลัก ได้แก่ Journey to Zero การลดขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินธุรกิจ 2 เรื่อง ได้แก่ การลดปริมาณขยะ (Zero Waste to Landfill) รณรงค์ลดและคัดแยกขยะจากต้นทาง ลดการใช้พลาสติก (Plastic Reduction) เช่น การรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกผ่านแคมเปญ Say No To Plastic
การจัดการคัดแยกขยะ (Waste Segregation) แยกขยะเป็น 4 ประเภทตามหลักสากล และยังร่วมกับพันธมิตรในการนำขยะไปแปรรูปหรือสร้างประโยชน์ อาทิ GEPP Sa-Ard ltd, Indorama Ventures (IVL), TPBI Public Company ltd. , การให้ความรู้ด้านการคัดแยกขยะให้แก่โรงเรียน ชุมชน การลดการสร้างขยะอาหาร (Food Waste) ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลร่วมมือกับมูลนิธิเอสโอเอส (SOS) ส่งต่ออาหารจากกลุ่มเซ็นทรัล สู่น้องๆ ในมูลนิธิบ้านพระพรและบ้านราชาวดี ส่วนอาหารที่ไม่สามารถทานได้ ขณะนี้กลุ่มเซ็นทรัลกำลังเจรจากับพาร์ตเนอร์ เพื่อหาแนวทางในการแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์และก๊าซชีวภาพ
อีกเรื่องคือ Zero Carbon การลดปัญหามลพิษด้วยพลังงานสะอาด การติดตั้งแผงพลังงานโซลาร์เซลบนหลังคาศูนย์การค้าในเครือ การติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Central Green การปรับภูมิทัศน์โดยรอบศูนย์การค้า ในพื้นที่ 4 ตร.กม.รอบศูนย์การค้า ขณะนี้ทำไปแล้ว 31 สาขา และมีแผนจะดำเนินการอีก 24 สาขา รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์บริเวณรอบ ร้านแฟมิลี่มาร์ท และยังมีโครงการ Forest Restoration ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูผืนป่า ซึ่งมีทั้งที่ บางขุนเทียน คุ้งบางกระเจ้า ป่าน่าน เชียงราย
“ดร.ประสาร” ยํ้าว่า การจะทำเรื่องเหล่านี้ให้สำเร็จ ต้องอาศัยทั้งอำนาจรัฐ แรงจูงใจกลไกตลาด และอีกเรื่องคือ จิตสำนึก ซึ่งมีการปลูกฝัง ทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องผสมผสานกันอย่างเหมาะสมจึงจะทำให้สัมฤทธิผลได้ การออกกฎอย่างเดียวไม่สามารถทำให้สำเร็จทั้งหมดได้ สิ่งที่เซ็นทรัล กรุ๊ปทำ ก็ได้เพียงบางมิติ ทุกอย่างต้องมีความเชื่อมโยง โจทย์เหล่านี้ถึงจะแก้ได้สำเร็จ
หน้า 24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,474 วันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562