‘บีทู’แตกไลน์รุกธุรกิจคอนโดฯ ชูจุดขายพักโรงแรมฟรี500คืน

20 มี.ค. 2559 | 02:00 น.
บิ๊กธุรกิจบัดเจ็ต โฮเต็ล"บีทู"กางแผน 2 ปี ทุ่ม 2.3 พันล้านบาท ปักธงรุกอีสานและภาคใต้ พร้อมโฟกัสขยายแฟรนไชส์ต่างประเทศ ดันพอร์ตโรงแรมในเครือกว่า 40 แห่งในปี 60 ทั้งแตกไลน์สู่ลงทุนคอนโดมิเนียมประเดิม 3 โครงการในเชียงใหม่ ชูโมเดลขายใหม่ซื้อคอนโดฯ แถมนอนฟรีโรงแรมในเครือนาน10 ปี รวม 500 คืน แถมปล่อยเช่าการันตีผลตอบแทน 7% ต่อปีนาน 4 ปี ตั้งเป้าปี 62 นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯหลังมูลค่าสินทรัพย์แตะ 5 พันล้านบาท

นายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลเบิ้ลพร๊อพเพอร์ตี้ คอนเซาติ้งแอนด์แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ จีพีซีเอ็ม กรุ๊ป (บริษัทบริหารจัดการโรงแรมต้นต่ำทุนแบรนด์บีทู) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าในขณะนี้บีทู อยู่ระหว่างเตรียมเปิดตัวโรงแรมต้นทุนต่ำหรือบัดเจ็ต โฮเต็ล ในช่วง 2 ปีนี้ (ปี2559-2560) อีกหลายแห่ง ซึ่งจนถึงสิ้นปีนี้จะมีจำนวนโรงแรมในเครือรวม 31 แห่ง และถึงสิ้นปีหน้า จะมีโรงแรมในเครือรวมกว่า 40 แห่ง เพิ่มจากปัจจุบันซึ่งมีโรงแรมเปิดให้บริการอยู่แล้ว 27 แห่ง ซึ่งเป็นการลงทุนของบีทู 24 แห่ง และการรับบริหาร 3 แห่ง ได้แก่ บีทูหมอนทอง ประเทศลาว, บีทู อายตนะ พรีเมียร์ รีสอร์ต,โรงแรมบีทู ริเวอร์ไซด์ โคโลเนียล เชียงใหม่

ทั้งนี้ทิศทางการขยายธุรกิจของบีทูจะเน้นการขยายโรงแรมต้นทุนต่ำ ภายใต้ 2 แบรนด์บัดเจ็ตโฮเต็ล คือ แบรนด์บีทู ( ระดับ 1-2 ดาว)และแบรนด์บีทู พรีเมียร์ (Affordable Luxury) ที่มุ่งเจาะตลาดระดับ 3 ดาว โดยในช่วง 2 ปีนี้จะโฟกัสการดำเนินธุรกิจใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การขยายการลงทุนโรงแรมใหม่ภายในประเทศไทย เฉลี่ย 5-6 แห่งต่อปี 2.การขยายแฟรนไชส์และการรับบริหาร ภายใต้

แบรนด์บีทู ไปยังต่างประเทศ และ 3. การแตกไลน์ลงทุนใหม่ ในธุรกิจคอนโดมิเนียม

"การลงทุนช่วง 2 ปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 2.3 พันล้านบาท สำหรับลงทุนโรงแรมใหม่ในไทยและลงทุนคอนโดมิเนียม โดยปีนี้มีโรงแรมใหม่ที่จะทยอยเปิด อาทิ บีทู พรีเมียร์ กรีนวัลเลย์ เชียงใหม่ , บีทู พรีเมียร์ ปาย และ บีทู ที่แม่ฮ่องสอน ส่วนโรงแรมที่จะเปิดในปีหน้าจะเน้นขยายในพื้นที่ภาคใต้และอีสานเพิ่มขึ้น อาทิ บีทู อุบลราชธานี ,บีทู พรีเมียร์ ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมบีทูแห่งที่ 2 ในจ.ภูเก็ต,บีทู พรีเมียร์ บุรีรัมย์,บีทู มุกดาหาร บีทู สุรินทร์ ,บีทู กระบี่,บีทู ชะอำ และมีโรงแรมที่ขายแฟรนไชส์และรับบริหารให้ 1 แห่ง คือบีทู ราชบุรี" นายนิรันดร์ กล่าวและว่า

ในส่วนการรับบริหารโรงแรมต้นทุนต่ำ ในลักษณะการขายแฟรนไชส์เดิมมองการขยายในประเทศเป็นหลัก แต่ในขณะนี้มีการปรับแผนใหม่ มามุ่งขยายไปต่างประเทศเป็นหลักแทน เนื่องจากมองว่าแบรนด์บีทู ถือว่าแข็งแรงมากสำหรับตลาดบัดเจ็ต โฮเต็ลในไทย ประกอบกับธุรกิจบัดเจ็ต โฮเต็ลกำลังแจ้งเกิดในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี และมองว่าตลาดโรงแรมระดับโลกยังขาดการบริหารงานแบบบัดเจ็ต โฮเต็ลที่แท้จริง อีกทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การใช้เงินจึงเน้นเรื่องของความคุ้มค่ามากขึ้น บัดเจ็ต โฮเต็ล จึงยังคงเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นบีทู จึงเห็นโอกาสสำหรับขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอย่างจริงจัง และล่าสุดได้จ้างผู้บริหารจากต่างประเทศที่มีประสบการณ์ เข้ามาทำหน้าที่เป็นแฟรนไชส์ ไดเร็กเตอร์ เพื่อขยายแบรนด์บีทูในต่างประเทศ

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้บีทูได้ขายแฟรนไชส์ และรับบริหารโรงแรมให้กับนักลงทุนของลาว ภายใต้ชื่อโรงแรมบีทู หมอนทอง ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือบีทูแห่งแรกในต่างประเทศ ปีนี้จะเน้นขยายในเชิงรุกมากขึ้น มุ่งเน้นในเอเชีย อย่างอินโดนีเซีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ จีน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับหลายประเทศ โดยได้รับการติดต่อเข้ามากว่า 5 ประเทศ ซึ่งมองโรงแรมขนาดไม่เกิน 100 ห้อง คิดค่าแรกเข้าไม่เกิน 2 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมบริหาร 8% จากรายได้ต่อปี สัญญาเริ่มต้น 5 ปี เป็นต้น

"ถือว่าราคาไม่สูง หากเทียบกับการเลือกใช้เชนบริหารของต่างประเทศ และเรามองว่าเจ้าของธุรกิจต้องมีรายได้ที่ดีและกำไรที่อยู่ได้ จากการที่บีทู มีการบริหารจัดการต้นทุนได้ต่ำ จากการชูเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมา มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีสูงมาก ทั้งเรื่องของเว็บไซต์ ช่องทางชำระเงิน และกำลังพัฒนาในเรื่องของดาต้า เซ็นเตอร์ ทำให้ช่วยในเรื่องของการลดต้นทุนและประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้"

นายนิรันดร์ ยังกล่าวต่อว่าการที่บีทู โฟกัสจุดขายหลักในความเป็นแบรนด์บัดเจ็ต โฮเต็ล ทำให้มีความเข้มแข็งและเชี่ยวชาญในตลาดเซ็กเมนต์นี้ แตกต่างจากแบรนด์ในการรับบริหารของต่างประเทศ ที่จะมีทุกแบรนด์ภายใต้การรับบริหารตั้งแต่แบรนด์หรูระดับ 5 ดาวไปจนถึงแบรนด์บัดเจ็ต โฮเต็ล ดังนั้นบีทู จึงมั่นใจถึงการขยายแบรนด์ไปยังต่างประเทศ โดยจะเน้นขยายแบรนด์บีทู พรีเมียร์ เนื่องจากมองว่าในต่างประเทศมีค่าเงินสูงกว่า นักท่องเที่ยวจ่ายได้ไม่จำเป็นต้องนำแบรนด์บีทู ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับต่ำกว่าไปขยายในต่างประเทศ

สำหรับการแตกไลน์ธุรกิจใหม่สู่การลงทุนคอนโดมิเนียมนั้น จะเป็นการลงทุนภายใต้บริษัท ควอลิตี้ คอนโดมิเนียม เชียงใหม่ จำกัด มี 3 โครงการในเชียงใหม่ที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้ คือ บีทู เม้นท์ พาโน คอนโดมิเนียม ขนาด 57 ห้อง ขายเริ่มต้น 2.2 4.4 ล้านบาท มียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 70% ในเวลาไม่ถึงเดือน เนื่องจากได้เปิดการขายในรูปแบบใหม่ ซื้อคอนโดฯกับ บีทู นอนฟรีโรงแรมในเครือบีทีทั่วไทย เป็นเวลา 10 ปี หรือปีหนึ่งให้ใช้บริการห้องพักได้ถึง 50 คืนต่อปี รวม 500 คืน และหากซื้อแล้วไม่ได้อยู่สามารถนำมาปล่อยให้บีทูเช่า ก็จะการันตีผลตอบแทนให้ 7% จากราคาที่ซื้อมา เป็นเวลา 4 ปี

นอกจากนี้ยังมีอีก 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการลงทุน คือ คอนโดมิเนียม ในสนามกอล์ฟกรีนวัลเลย์ที่จะเปิดตัวในช่วงเดือนเมษายนนี้ เป็นส่วนของคอนโดฯราว 100 ห้อง ขายราคา 3.5-9.8 ล้านบาท ใกล้กันเป็นโรงแรมขนาด 50 ห้อง และโครงการขนาดไม่เกิน 30 ยูนิต บริเวณทางขึ้นสะเมิงขายราคา 5 -10 ล้านบาทที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

"การทำแคมเปญในลักษณะนี้ทั้งลูกค้าและบีทูเอง ก็จะได้ประโยชน์ เพราะสิทธิประโยชน์ที่ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมได้รับไม่ได้มีเพียงการพักฟรีเท่านั้น แต่ยังได้รับจากประกันการเช่า 7% ต่อปีในช่วง 4 ปีอย่างซื้อวันนี้ราคา 2 ล้านบาทใน 4 ปีได้คืนเกือบ 6 แสนบาท ก็ถือว่าผู้ซื้อได้คืนกว่า 28% ของงบที่ลงทุนไปในวันนี้ ขณะที่เราก็นำกำไรจากการขายคอนโดฯ มาซื้อห้องพักจากบีทูอีกที บีทูก็ไม่ขาดรายได้ และยังมีกระแสเงินสดล่วงหน้าเข้ามาหมุนเวียน และหากโมเดลการขายในแบบนี้ไปได้ ต่อไปเราก็มองการขยายในลักษณะนี้ไปยังเมืองอื่น ๆ ในลักษณะของการขายโครงการคอนโดมิเนียมควบคู่ไปกับโรงแรมในพื้นที่เดียวกันในอนาคตด้วย"

นายนิรันดร์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายสำคัญในปี 2562 คือการนำบริษัทเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อมองการขยายสาขาในอนาคตซึ่งก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าว่าน่าจะมีโรงแรมในเครือรวมกว่า 50 แห่งและคาดว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ราว 5 พันล้านบาท ณ วันที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจากปัจจุบันที่มีโรงแรม 27 แห่ง มูลค่าทรัพย์สินราว 3 พันล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,140 วันที่ 17 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2559