CIMBT รุก‘บาท-ริงกิต’ ชูจุดแข็งเครือข่ายสาขา/เป้า 3 ปีดันสัดส่วนค้าขายเพิ่ม 10%

20 มี.ค. 2559 | 06:00 น.
แบงก์ซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศเดินหน้าทำธุรกรรมบาท-ริงกิตเต็มสูบหลังธปท.-ธนาคารกลางมาเลเซียแต่งตั้งให้เป็น ACCDs วาดเป้าปีแรกดันยอดธุรกรรมเพิ่มเท่าตัวจาก 400 ล้านริงกิต เป็น 800-1 พันริงกิต รั้งแชมป์ผู้นำพร้อมเปิดบริการรับฝากเงิน-ปล่อยกู้ มั่นใจ 3 ปีสัดส่วนการค้าขายบาท-ริงกิตเพิ่มขึ้นเป็น 10% เหตุลูกค้าประหยัดต้นทุนเฮดจิ้ง 2-3%

[caption id="attachment_38732" align="aligncenter" width="327"] สุธีร์ โล้วโสภณกุล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) สุธีร์ โล้วโสภณกุล
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.)[/caption]

นายสุธีร์ โล้วโสภณกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารได้รับการแต่งตั้งเป็นธนาคารตัวแทนให้บริการธุรกรรมเงินริงกิต-บาท (Appointed Cross Currency Dealers หรือ ACCDs) อย่างเป็นทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางแห่งมาเลเซีย โดยสามารถค้าขายเป็นเงินสกุลท้องถิ่นทั้ง 2 ประเทศได้ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาระบบการชำระเงินธนาคารของประเทศอื่นที่ไม่ได้เป็นคู่ค้า อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนทางการค้าจากการซื้อขายโดยใช้เงินริงกิตหรือบาทโดยตรง และไม่ต้องกังวลกับการแลกเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะต้องบวกค่าความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

" มั่นใจว่าการเปิดบริการนี้จะช่วยให้ปริมาณการค้าขายด้วยสกุลเงินบาท-ริงกิตเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ภายใต้จุดแข็งเครือข่ายสาขากว่า 298 แห่ง ในประเทศมาเลเซีย ส่วนไทยมีกว่า 123 แห่ง"

[caption id="attachment_38734" align="aligncenter" width="327"] เผด็จ พิรุฬห์สิทธิ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เผด็จ พิรุฬห์สิทธิ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย[/caption]

สอดรับกับนายเผด็จ พิรุฬห์สิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภายใต้การผ่อนคลายกฎระเบียบดังกล่าว ธนาคารสามารถดำเนินธุรกรรมได้ 3 ธุรกรรมหลัก คือ 1.การซื้อขายและชำระเงินระหว่างสกุลเงินบาท-ริงกิต โดยตัวเลขปริมาณการค้าขายระหว่างไทยและมาเลเซียในปี 2558 มีมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท ประมาณ 85% เป็นการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสกุลเงินบาท ประมาณ 10-12% และมีไม่ถึง 1% ซื้อขายด้วยริงกิต หรือประมาณ 500 ล้านริงกิต ซึ่งในจำนวนดังกล่าวธนาคารมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ประมาณ 80% หรือคิดเป็น 300-400 ล้านริงกิต เป็นอันดับ 1 ของตลาด

ทั้งนี้คาดว่าภายในปีนี้ตัวเลขการทำธุรกรรมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่า 800-1 พันล้านริงกิต ขณะเดียวกันคาดว่าภายใน 3 ปี สัดส่วนปริมาณการซื้อขายสกุลบาท-ริงกิตจะเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันมีเพียง 1% ซึ่งขยายตัวตามกระแสการซื้อขายโดยตรงที่สะดวกขึ้น และหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

นายเผด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้การซื้อขายโดยตรงระหว่างสกุลบาท-ริงกิต จะช่วยลดต้นทุนในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อีกด้วย เพราะหากเทียบเงินสกุลบาท-ดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อนข้างจะสวิงมากกว่าเมื่อเทียบสกุลเงินบาท-ริงกิต ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยค่าพรีเมียมในการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หรือการทำฟอร์เวิร์ด ระหว่างสกุลเงินบาท-ดอลลาร์สหรัฐฯจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3% เมื่อเทียบกับค่าพรีเมียมระหว่างบาท-ริงกิตเกือบจะใกล้เคียงกัน ดังนั้น หลังจากการผ่อนคลายกฎจะช่วยลดต้นทุนดังกล่าวทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการหนุนการค้าให้เพิ่มขึ้น

ส่วนธุรกรรมที่ 2.การรับฝากเงินสุกลริงกิต ถือเป็นธุรกรรมใหม่ของธนาคาร แต่เชื่อว่าอัตราการเติบโตจะทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องนำเข้า-ส่งออกเป็นสกุลริงกิต หรือทำธุรกิจในมาเลเซีย เพราะจะสามารถจ่ายและรับเงินได้ทันที โดยไม่จำกัดเวลาและวงเงิน แต่เชื่อว่าลูกค้าที่ฝากเงินสกุลริงกิตจะเปิดบัญชีไว้สำหรับพักเงินไม่ได้ แต่จะเน้นรับ-จ่ายมากกว่า ทั้งนี้ ลูกค้าที่ฝากเงินสกุลริงกิตจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 2-3% ซึ่งภายหลังจากเปิดบริการวันแรกมีผู้สนใจฝากเงินแล้วจำนวน 8 ราย และคาดว่าในช่วงแรกจะมีผู้สนใจเปิดบัญชีเงินฝากราวๆ หลักร้อยล้านริงกิต

ขณะที่ธุรกรรมที่ 3 การปล่อยสินเชื่อเป็นสกุลเงินริงกิต จะเป็นการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการที่มีความต้องการซื้อสินค้าและต้องการจ่ายเป็นสกุลเงินริงกิตโดยตรง ซึ่งธนาคารสามารถปล่อยเป็นสกุลเงินริงกิตได้ โดยการปล่อยจะเป็นในรูปของวงเงินสินเชื่อแพ็กกิ้งเครดิต สินเชื่อเพื่อการส่งออก หรือสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) โดยอัตราดอกเบี้ยจะคิดตามต้นทุนของการหาแหล่งเงินทุนริงกิตสูงมากน้อยระดับใด หรือการใช้ดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงจากมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ราวๆ ประมาณ 4-5% อย่างไรก็ดี ปริมาณธุรกรรมบาท-ริงกิตในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมาจากธุรกรรมการค้าเกือบทั้งหมด

"ตอนนี้เรามีธุรกรรมริงกิตเป็นอันดับ 1 แต่หลังจากประกาศแต่งตั้ง 3 แห่ง เชื่อว่าสัดส่วนธุรกรรมจาก 80% อาจจะต้องลดลงตามการโปรโมตของลูกค้าของแต่ละธนาคาร แต่เชื่อว่าการผ่อนคลายครั้งนี้จะช่วยลดอุปสรรคการใช้เงินสกุลริงกิตลง ซึ่งจะทำให้ในอนาคตปริมาณการค้าหรือธุรกรรมด้วยเงินริงกิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันการค้าขายระหว่างอาเซียนด้วยกันมาเลเซียมีสัดส่วนถึง 25% หากเปิดเสรี AEC เชื่อว่าสัดส่วนการค้าจะเพิ่มขึ้น และกระแสการใช้เงินสกุลริงกิตจะเพิ่มขึ้นตาม"

อนึ่ง ธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia-BNM) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศเริ่มดำเนินการกลไกการชำระเงินสกุลท้องถิ่นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2559 ซึ่งเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจที่ทั้ง 2 ธนาคารกลางได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 โดยภายใต้กลไกนี้ ผู้ประกอบการมาเลเซียและไทยสามารถเลือกใช้บริการในเงินสกุลริงกิตและบาทจากธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับคัดเลือกในแต่ละประเทศ เพื่อชำระธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ โดยธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย ได้แก่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย และบมจ.ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ขณะที่ประเทศมาเลเซีย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (เบอร์ฮาด) ธนาคารซีไอเอ็มบี เบอร์ฮาด และธนาคารเมย์แบงก์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,140 วันที่ 17 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2559