Play
แลกหมัดชิงตลาดชาเขียว อิชิตัน-โออิชิสาดเงินกระทุ้งยอดซัมเมอร์โปรโมชัน
ตลาดชาเขียว 1.57 หมื่นล้านปะทุเดือด 2 ยักษ์ใหญ่สาดแคมเปญรับร้อน “อิชิตัน” ทุ่ม 130 ล้าน แจกคอนโดหรู 15 ล้านใจกลางเมืองพ่วงเบนซ์ 28 คันในแคมเปญ “รวยเปรี้ยง 6” มั่นใจโกยยอดขายโต 10% ฟาก “โออิชิ” ไม่น้อยหน้าอัดฉีด 200 ล้านบาท ล้อนซ์ซัมเมอร์โปรโมชั่น “รหัสโออิชิ กองทัพแมวเนโกะทองคำ” แจกทองคำรวม 300 รางวัล หวังกวาดยอดโต 15%
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน น้ำผลไม้ไลเบ่ และเย็น เย็น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หน้าร้อนถือเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจชาเขียว ส่งผลให้มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณกว่า 130 ล้านบาทในการเปิดตัวซัมเมอร์โปรโมชั่นแคมเปญ “อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง” ครั้งที่ 6 ในชื่อตอน “รางวัลแห่งชีวิต” โดยไฮไลต์เป็นของรางวัลสุดหรู ได้แก่คอนโดมิเนียมใน 2 ทำเลทองของกรุงเทพฯ คือ เอช คิว บาย แสนสิริ กลางซอยทองหล่อ มูลค่า 15 ล้านบาทและเดอะ ริเวอร์ บายไรมอน แลนด์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 10 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีรถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ รุ่น GLA 200 URBAN อีก 28 คัน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 80 ล้านบาท โดยเริ่มส่งรหัสได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้และจับรางวัลครั้งแรก 7 มีนาคม-21 เมษายน 2559
“แน่นอนว่าการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ในช่วงหน้าร้อน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการแข่งขันในตลาดทุกปี ไม่เพียงแต่อิชิตันเท่านั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างก็เดินเกมรุกตลาดในช่วงนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นช่วงที่สามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี ส่วนการเลือกใช้ของรางวัลหรูทั้งคอนโดมิเนียม และรถเบนซ์ คือ กลยุทธ์ของอิชิตันที่ต้องการ “ดึงสินค้าออกจากตู้แช่ร้านค้าปลีก” เพื่อสู้ศึกสภาพการแข่งขันของค้าปลีกที่เป็นไปอย่างเข้มข้น แต่ละแบรนด์อาจใช้เครื่องมือทางการตลาดที่แตกต่างกันไป เช่น การลดราคาเพื่อสร้างแรงจูงใจในการซื้อ”
นอกจากนี้ในส่วนของบริษัทยังนำกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบของไซซ์ซิง เข้ามาสร้างความหลากหลายของขนาดสินค้าเพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันของสงครามราคา โดยมีเป้าหมายเพื่อคงไว้ซึ่งผลกำไรตามเป้าหมายและผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้คาดการณ์ว่าตลาดรวมชาเขียวพร้อมดื่มในช่วงหน้าร้อนจะเติบโต 10-15% โดยส่วนของบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10% ขณะที่ตลาดชาพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมราว 1.57 หมื่นล้านบาท โดยอิชิตันเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งราว 43.4%
สำหรับผลประกอบการรวมในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวม 7.5 พันล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 17% จากปี 2558 ที่มีรายได้รวม 6.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นชาเขียว 55% เย็น เย็น 40% และอื่นๆ 5% ส่วนรายได้จากการส่งออกยังมีสัดส่วนไม่มากมียอดขาย 150 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 ยอดการส่งออกยังคงสัดส่วนที่ 3% โดยเน้นส่งออกไปที่ประเทศอินโดนีเซียและประเทศในอาเซียน
ด้านนางเจษฎากรณ์ โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาพร้อมดื่มโออิชิ กล่าวว่า คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มช่วงหน้าร้อนนี้จะเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมาที่ภาพรวมตลาดไม่มีการเติบโต ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเติบโตในปีนี้มาจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัด การจัดแคมเปญของผู้ประกอบการแต่ละรายที่ต่างงัดกลยุทธ์ออกมาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วงหน้าร้อนซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของตลาด นอกจากนี้การพัฒนาสินค้านวัตกรรมเข้ามาแข่งขันในตลาด ไม่ว่าจะเป็นรสชาติใหม่ๆ ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตที่ดี โดยกลุ่มชาเขียวพร้อมดื่มถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงสุดในช่วงหน้าร้อนมาเป็นลำดับที่ 1 ที่ผู้บริโภคตั้งตารอและนึกถึง รองลงมา ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มอัดลม ขณะที่อันดับสามเป็นกลุ่มเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
“นอกเหนือจากกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าว ที่บริษัทจะให้ความสำคัญในการกระตุ้นตลาดในช่วงไฮซีซั่นแล้ว ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมสินค้าในรูปแบบใหม่ เพื่อออกมารองรับความต้องการอย่างปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโออิชิรสแตงโม ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ขณะที่ปีนี้เพิ่งจะมีการเปิดตัวชาเขียวโออิชิ กลิ่นองุ่นเคียวโฮไปก็สามารถสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายมากกว่าโออิชิกลิ่นแตงโม หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 50% (เทียบการเติบโตช่วง 1 เดือนแรกหลังการเปิดตัว)”
ล่าสุดบริษัททุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาทในการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ช่วงหน้าร้อน “รหัสโออิชิ กองทัพแมวเนโกะทองคำ” ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคมนี้ในคอนเซ็ปต์ ของรางวัลแห่งความโชคดีสุดยิ่งใหญ่ ผ่านแมวเนโกะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นมาสคอต ของแบรนด์โออิชิอีกด้วย ในรูปแบบของ "ทองคำ" ซึ่งเป็นของรางวัลที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างสูงตลอดมา โดยรางวัลใหญ่นั้นมีมูลค่า 10 ล้านบาทต่อรางวัล ถือว่าเป็นมูลค่ารางวัลใหญ่สูงสุดของโออิชิจำนวน 4 รางวัล พร้อมด้วยกองทัพแมวเนโกะทองคำอีก 300 รางวัล รวม 70 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเน้นการสร้างการรับรู้ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “โชคดี” ผ่านพรีเซ็นเตอร์ล่าสุด “พุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน”
“ความพิเศษของปีนี้คือ บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมล่าสุดของการส่งรหัสโปรโมชันครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการส่งรหัสใต้ฝาผ่านช่องทางไลน์ “Oishi Green Tea LINE Official Account” ซึ่งจะช่วยให้แคมเปญนี้ของโออิชิสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานแอพพลิเคชันไลน์ที่มีจำนวนกว่า 35 ล้านคน”
พร้อมกันนี้ยังมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดแบบครบวงจร ในรูปแบบต่างๆ เพื่อรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ พร้อมกับคาราวานกิจกรรมจากโออิชิที่จะเดินทางไปสร้างสีสันทั่วประเทศตลอดซัมเมอร์นี้ ใน 10 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี นครสวรรค์ และสุราษฎร์ธานี โดยจะโฟกัสในตลาดภาคอีสานเป็นหลัก เนื่องจากต้องการขยายฐานลูกค้าที่เป็นแมสเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นตลาดใหญ่ของบริษัทในปัจจุบันอีกด้วย โดยตั้งเป้าการเติบโตในช่วงหน้าร้อนนี้ 15% นอกจากนี้ในส่วนของการบริหารจัดการสินค้าในช่วงหน้าแล้งที่จะถึงนี้ บริษัทได้มีการสต๊อกสินค้าในกลุ่มชาเขียวเพิ่มขึ้น 10%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,135
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2559
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน น้ำผลไม้ไลเบ่ และเย็น เย็น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หน้าร้อนถือเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจชาเขียว ส่งผลให้มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณกว่า 130 ล้านบาทในการเปิดตัวซัมเมอร์โปรโมชั่นแคมเปญ “อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง” ครั้งที่ 6 ในชื่อตอน “รางวัลแห่งชีวิต” โดยไฮไลต์เป็นของรางวัลสุดหรู ได้แก่คอนโดมิเนียมใน 2 ทำเลทองของกรุงเทพฯ คือ เอช คิว บาย แสนสิริ กลางซอยทองหล่อ มูลค่า 15 ล้านบาทและเดอะ ริเวอร์ บายไรมอน แลนด์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 10 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีรถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ รุ่น GLA 200 URBAN อีก 28 คัน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 80 ล้านบาท โดยเริ่มส่งรหัสได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้และจับรางวัลครั้งแรก 7 มีนาคม-21 เมษายน 2559
“แน่นอนว่าการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ในช่วงหน้าร้อน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการแข่งขันในตลาดทุกปี ไม่เพียงแต่อิชิตันเท่านั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างก็เดินเกมรุกตลาดในช่วงนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นช่วงที่สามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี ส่วนการเลือกใช้ของรางวัลหรูทั้งคอนโดมิเนียม และรถเบนซ์ คือ กลยุทธ์ของอิชิตันที่ต้องการ “ดึงสินค้าออกจากตู้แช่ร้านค้าปลีก” เพื่อสู้ศึกสภาพการแข่งขันของค้าปลีกที่เป็นไปอย่างเข้มข้น แต่ละแบรนด์อาจใช้เครื่องมือทางการตลาดที่แตกต่างกันไป เช่น การลดราคาเพื่อสร้างแรงจูงใจในการซื้อ”
นอกจากนี้ในส่วนของบริษัทยังนำกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบของไซซ์ซิง เข้ามาสร้างความหลากหลายของขนาดสินค้าเพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันของสงครามราคา โดยมีเป้าหมายเพื่อคงไว้ซึ่งผลกำไรตามเป้าหมายและผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้คาดการณ์ว่าตลาดรวมชาเขียวพร้อมดื่มในช่วงหน้าร้อนจะเติบโต 10-15% โดยส่วนของบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10% ขณะที่ตลาดชาพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมราว 1.57 หมื่นล้านบาท โดยอิชิตันเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งราว 43.4%
สำหรับผลประกอบการรวมในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวม 7.5 พันล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 17% จากปี 2558 ที่มีรายได้รวม 6.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นชาเขียว 55% เย็น เย็น 40% และอื่นๆ 5% ส่วนรายได้จากการส่งออกยังมีสัดส่วนไม่มากมียอดขาย 150 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 ยอดการส่งออกยังคงสัดส่วนที่ 3% โดยเน้นส่งออกไปที่ประเทศอินโดนีเซียและประเทศในอาเซียน
ด้านนางเจษฎากรณ์ โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาพร้อมดื่มโออิชิ กล่าวว่า คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มช่วงหน้าร้อนนี้จะเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมาที่ภาพรวมตลาดไม่มีการเติบโต ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเติบโตในปีนี้มาจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัด การจัดแคมเปญของผู้ประกอบการแต่ละรายที่ต่างงัดกลยุทธ์ออกมาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วงหน้าร้อนซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของตลาด นอกจากนี้การพัฒนาสินค้านวัตกรรมเข้ามาแข่งขันในตลาด ไม่ว่าจะเป็นรสชาติใหม่ๆ ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตที่ดี โดยกลุ่มชาเขียวพร้อมดื่มถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงสุดในช่วงหน้าร้อนมาเป็นลำดับที่ 1 ที่ผู้บริโภคตั้งตารอและนึกถึง รองลงมา ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มอัดลม ขณะที่อันดับสามเป็นกลุ่มเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
“นอกเหนือจากกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าว ที่บริษัทจะให้ความสำคัญในการกระตุ้นตลาดในช่วงไฮซีซั่นแล้ว ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมสินค้าในรูปแบบใหม่ เพื่อออกมารองรับความต้องการอย่างปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโออิชิรสแตงโม ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ขณะที่ปีนี้เพิ่งจะมีการเปิดตัวชาเขียวโออิชิ กลิ่นองุ่นเคียวโฮไปก็สามารถสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายมากกว่าโออิชิกลิ่นแตงโม หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 50% (เทียบการเติบโตช่วง 1 เดือนแรกหลังการเปิดตัว)”
ล่าสุดบริษัททุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาทในการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ช่วงหน้าร้อน “รหัสโออิชิ กองทัพแมวเนโกะทองคำ” ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคมนี้ในคอนเซ็ปต์ ของรางวัลแห่งความโชคดีสุดยิ่งใหญ่ ผ่านแมวเนโกะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นมาสคอต ของแบรนด์โออิชิอีกด้วย ในรูปแบบของ "ทองคำ" ซึ่งเป็นของรางวัลที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างสูงตลอดมา โดยรางวัลใหญ่นั้นมีมูลค่า 10 ล้านบาทต่อรางวัล ถือว่าเป็นมูลค่ารางวัลใหญ่สูงสุดของโออิชิจำนวน 4 รางวัล พร้อมด้วยกองทัพแมวเนโกะทองคำอีก 300 รางวัล รวม 70 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเน้นการสร้างการรับรู้ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “โชคดี” ผ่านพรีเซ็นเตอร์ล่าสุด “พุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน”
“ความพิเศษของปีนี้คือ บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมล่าสุดของการส่งรหัสโปรโมชันครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการส่งรหัสใต้ฝาผ่านช่องทางไลน์ “Oishi Green Tea LINE Official Account” ซึ่งจะช่วยให้แคมเปญนี้ของโออิชิสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานแอพพลิเคชันไลน์ที่มีจำนวนกว่า 35 ล้านคน”
พร้อมกันนี้ยังมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดแบบครบวงจร ในรูปแบบต่างๆ เพื่อรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ พร้อมกับคาราวานกิจกรรมจากโออิชิที่จะเดินทางไปสร้างสีสันทั่วประเทศตลอดซัมเมอร์นี้ ใน 10 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี นครสวรรค์ และสุราษฎร์ธานี โดยจะโฟกัสในตลาดภาคอีสานเป็นหลัก เนื่องจากต้องการขยายฐานลูกค้าที่เป็นแมสเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นตลาดใหญ่ของบริษัทในปัจจุบันอีกด้วย โดยตั้งเป้าการเติบโตในช่วงหน้าร้อนนี้ 15% นอกจากนี้ในส่วนของการบริหารจัดการสินค้าในช่วงหน้าแล้งที่จะถึงนี้ บริษัทได้มีการสต๊อกสินค้าในกลุ่มชาเขียวเพิ่มขึ้น 10%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,135
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2559