นักลงทุนไทยสไลเดอร์ลงจากดอย แห่ขายทองคำทำกำไร สวนทางต่างชาติตื่นตุนเข้าพอร์ตใช้เป็นหลุมหลบภัย หลังกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ ยอดฮิตน้ำหนัก 5-10 บาท ทั้งทองคำแท่ง -ทองรูปพรรณ นายแพทย์กฤชรัตน์ เย้ยบางรายขายหมู เอ็มทีเอส โกลด์ฯ ยอดนำเข้า-ส่งออกพุ่ง 3 ตันในช่วง 2 เดือน คาดครึ่งปีแรกได้เห็น 21,500 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองโลก 2-3 เดือน มองวิ่งแตะ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากสถานการณ์ราคาทองคำโลกที่กลับทิศมาเป็นขนขึ้นนั้น ผู้ซื้อ คือ นักลงทุนต่างชาติ แต่ผู้ที่ขายจำนวนมากคือ นักลงทุนชาวไทย ที่ฉวยจังหวะนี้ขายทำกำไร หลังจากเข้าซื้อเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและขายช่วงตอนขาขึ้น ซึ่งมีลักษณะของการขายหมูไปสมควร แต่ก็ได้กำไรกันทุกรายจากการขายทำกำไรรอบนี้ ออกมาในปริมาณมาก โดยจะเห็นว่านักลงทุนมีการตื่นตัวกันค่อนข้างมาก
[caption id="attachment_31591" align="aligncenter" width="500"]
ถนนสายทองคำ ย่านเยาวราชกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังราคาทองคำปรับทิศเป็นขาขึ้น ประชาชนซื้อขายทองแน่นร้านเมื่อวันที่ 12 กุมพาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้น 600 บาท[/caption]
สำหรับภาพรวมของทองคำจากร้านทองทั่วประเทศนั้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมพบว่ามีประชาชนทยอยขายออกมาบ้างเล็กน้อย และมีการซื้อกลับในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ทยอยขายออกในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยราคาทองที่ขายจะอยู่ที่ประมาณ 5-10 บาททั้งในส่วนของทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ ซึ่งในส่วนของเอ็มทีเอส โกลด์ฯ เองมีการนำเข้าและส่งออกทองคำมากกว่า 3 ตันในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
น.พ.กฤชรัตน์ กล่าวต่อไปอีกว่า การลงทุนทองคำปีนี้เป็นปีที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยสถานการณ์น่าลงทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งราคาทองมีการปรับขึ้นมาแล้ว 11% ในปีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กาลงทุนก็จะต้องเกิดจากการใช้วิจารณญาณ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยลงทุนสามารถลงทุนได้ แต่ต้องคำนึงไว้ว่าราคามีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากราคามีการปรับขึ้นมาแล้วในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของเอ็มทีเอส โกลด์ ฯนั้น ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำขยับตัวสูงขึ้นมาจาก 3 ปัจจัยได้แก่ 1.ความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจโลก จากสถานการณ์ของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด 2.การที่จีนลดค่าเงินหยวนช่วงต้นเดือนมกราคม 2559 ทำให้ระบบการเงินทั่วโลกเกิดความผันผวน จนทำให้หลายประเทศพยายามทำค่าเงินให้อ่อนเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ ส่งผลทำให้เกิดความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ เห็นได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงแม้กระทั่งตลาดหุ้นไทย
และ 3 การที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด) ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะไม่สามารถปรับขึ้นได้ในช่วงต้นปีนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าวเหล่านี้ชี้นำให้การลงทุนทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในฐานะของสินทรัพย์ปลอดภัย โดยจะเห็นได้จากกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกลุ่มที่เก็บทองคำแท่งกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีการซื้อทองคำมาตลอดในลักษณะของวันเว้นวันตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาโดยรวมแล้วประมาณ 70 ตัน จากระดับ 645 ตัน เป็น 710 ตัน เพราะฉะนั้นในภาพรวมจึงทำให้ราคาทองขยับตัวสูงขึ้น
"หากถามว่าทองเป็นขาขึ้นหรือยัง คงต้องบอกว่าทองปรับเป็นขาขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมกราคม โดยขยับเป็นระดับตั้งแต่ระยะสั้น ระยะกลางไปจนถึงระยะยาวในปัจจุบัน" นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวและว่า
ขณะที่ล่าสุดราคาทองคำได้ทะลุแนวต้านเดิมที่เคยมองไว้ที่ระดับ 20,000 บาทต่อบาททองคำไปเรียบร้อยแล้ว โดยเวลานี้มีโอกาสที่ราคาทองคำจะทรงตัวและปรับเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 21,000 บาทต่อบาททองคำในระยะสั้น ขณะที่ในระยะครึ่งปีแรกอาจจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ราคาทองคำโลกคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนหลังจากนี้
อนึ่งสถานการณ์การลงทุนเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวตามตลาดในภูมิภาคสวนทางราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นระหว่างวันกว่า 600 บาทต่อบาททองคำตามแรงซื้อเก็งกำไรและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยประกอบกับการอ่อนตัวของเงินบาทยิ่งทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นสัญญาการย่อตัว
นายวราวุธ เบญจาพุทธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ระยะสั้นความเสี่ยงการลงทุนยังมีค่อนข้างสูงโดยเฉพาะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกทำให้มีการโยกย้ายเม็ดเงินมาอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,131 วันที่ 14 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559