"ประสิทธิ์" เปิดใจเป็นแพะรับบาป อ้างปริญญาหลอกใช้เครดิต

[caption id="attachment_307390" align="aligncenter" width="503"] ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ[/caption]

“ประสิทธิ์” เจ้าพ่อตลาดหุ้นยันบริสุทธิ์ เป็นแพะรับบาป ย้ำเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย อ้างปริญญาหลอกใช้เครดิต ชี้ตนเองเป็น Deal maker เท่านั้น

นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้น เปิดเผยเป็นครั้งแรกถึงกรณีบิทคอยน์ว่า ตนเป็นแพะรับบาปกับกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้รู้จักกับนายปริญญา จารวิจิต ผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากได้ไปศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ Blockchain มาจากประเทศสิงคโปร์ จากนั้น นายปริญญา ได้พานายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ เจ้าพ่อบิทคอยน์ พร้อมกับนางสาวชนนิกานต์ แก้วกาสี (แตงโม) ซึ่งเป็นแฟนสาว เข้ามาทำความรู้จักและสนิทสนมกัน

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจด้วยกันทั้ง 4 ฝ่าย คือ นายปริญญา ซึ่งมีคอนเนคชั่นในประเทศเกาหลีและมาเก๊า ส่วนนายซาคริส อาห์มัด มีคอนเนคชั่นในยุโรป และเป็นผู้ทำสัญญากับนายอาร์นี ด้านนายอาร์นีมีความสามารถพิเศษด้านความรู้ความสามารถที่ทันสมัย และอัจฉริยะด้าน Blockchain ขณะที่ นายประสิทธิ์ทำหน้าที่เป็น Deal maker เพราะมีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับหุ้น จึงได้มีการจัดตั้ง ฟอร์มทีมทำงาน เพื่อทำธุรกิจร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากทำงานร่วมกันได้ไม่ถึง 4 เดือน นายประสิทธิ์และนางสาวชนนิกานต์เริ่มมีข้อสงสัย เพราะไม่มีการโอนหุ้นให้ลูกค้า และไม่โอนเงินเข้าบริษัท และนายปริญญา เพราะมีพฤติกรรมแปลกๆ ในเรื่องความไม่โปร่งใส ทำให้มีปากเสียงกันระหว่างนายประสิทธิ์และนายปริญญา จากนั้น ทำให้วงแตก และขอยุติการร่วมงานกัน และทางนายปริญญาได้ไล่นายประสิทธิ์ นายอาร์นี และนางสาวชนนิกานต์ออกจากห้องประชุมในวันนั้น

สำหรับความเสียหายครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนายอาร์นีและนางสาวชนนิกานต์ เสียหายบิทคอยน์ ส่วนอีกกลุ่มคือนายประสิทธิ์ เสียหายหุ้นให้กับนายปริญญา ซึ่งมีลูกค้าโอนหุ้นให้นายปริญญาโดยใช้เครดิตจากนายประสิทธิ์ ขณะเดียวกัน มีผู้ใหญ่แนะนำให้มาหาผู้กองธรรมนัส โดยให้เป็นคนกลาง ทางนายปริญญามีความเกรงใจ จึงยินยอมโอนหุ้นมาฝากไว้ที่ผู้กองธรรมนัสจำนวน 400 กว่าล้านหุ้น และเป็นหุ้นที่นายปริญญายังชำระค่าหุ้นไม่ครบ โดยหุ้นดังกล่าวโดนล็อคจำนำ คือห้ามซื้อขาย และยังไม่มีการชำระเงิน ทั้งนี้ เมื่อเรื่องคลี่คลาย ก็จะทำการโอนหุ้นคืนไปยังลูกค้าต่อไป
“นายอาร์นีได้รับหุ้น DNA เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 60 จำนวน 185 ล้านหุ้น ราคา 1.23 บาท เป็นเงิน 227.55 ล้านบาท และวันที่ 17 พ.ย. 60 จำนวน 160 ล้านหุ้น ราคาที่ 1.50 บาท มูลค่า 240 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมมีเอกสารการลงนามของผู้ซื้อและผู้ขายเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ หลังจากผู้กองธรรมนัสได้รับหุ้น ยังได้หารือเรื่องธุรกิจ และยังให้หาซื้อหุ้น DNA มากกว่า 65% ในราคาไม่เกิน 1.50 บาท ซึ่งผู้กองและเพื่อนนักธุรกิจต้องการทำธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต และทำธุรกิจเดิม หาธุรกิจใหม่ ที่สามารถทำให้หุ้นตัวนี้มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี น่าลงทุนในระยะยาว"

สำหรับกรณีที่ตำรวจบุกไปที่บ้านนั้น ยอมรับว่า ตำรวจมาจริง และพูดคุยปกติ สอบถามอย่างสุภาพ และในวันที่ 16 ส.ค. ตนได้เดินทางไปกองปราบโดยไม่มีหมายเรียก ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและไปให้ปากคำตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และยืนยันพร้อมที่จะไปให้ปากคำตลอดเวลาตามที่กองปราบต้องการ