แมงกะไซด์ ไม่ใช้น้ำมันไม่ใช้แสงแดด l โอฬาร สุขเกษม
วันศุกร์และเสาร์ (5-6 กุมภาพันธ์ 2559)ที่ผ่านมาผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเลยไม่ได้ไปดูงานที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งเขาจัดงาน “วันนักประดิษฐ์ไทย” ระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2559 เดิมที่กะจะไปพิสูจน์ว่ารถมอเตอร์ไซด์ที่อาจารย์และนักศึกอาชีวะของไทยประดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมา (จริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ) คือ ผลิตมอเตอร์ไซด์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็ก ใช้แบตเตอรี่เฉพาะช่วงแรกเท่านั้น จากนั้นให้เป็นหน้าที่ของแม่เหล็ก ทำให้แกนล้อหมุนปั่นได้ งานนี้น่าสนใจมาก เพราะเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อาจารย์ไพลรัตน์ สำลี อาจารย์สอนแผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ออกมาเปิดเผยถึงผลประดิษฐ์เครื่องกำเนิดฟรีไฟฟ้าจากพลังงานแม่เหล็ก และสามารถพัฒนาต่อยอดนำพลังงานไฟฟ้าที่ได้ไปใช้กับรถจักรยานยนต์ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าเป็นผลสำเร็จ
อาจารย์ไพลรัตน์ สำลี ซึ่งเป็นผู้สร้างนวัตกรรมดังกล่าวบอกว่า เครื่องกำเนิด “ฟรีไฟฟ้า” จากพลังงานแม่เหล็กชิ้นนี้เป็นนวัตกรรมพลังงานที่ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแม่เหล็กถาวร โดยอาศัยการผลักและดูดของสนามแม่เหล็กถาวร หลักการคือการนำแม่เหล็กถาวรขั้วเหมือนกัน วางใกล้กันทำให้เกิดการผลัก แม่เหล็กถาวรตัวหนึ่งอยู่กับที่ อีกตัวเคลื่อนที่หมุนเป็นทรงกลมทำให้เกิดการเคลื่อนที่ทางกล โดย แกนหมุนจะต่อกับไดนาโม เพื่อปั่นกระแสไฟฟ้าโดยไม่มีการหยุด พลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะไม่มีวันหมดสิ้น และยังสามารถนำพลังงานที่ได้ไปใช้ประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานหลักทางไฟฟ้า หรือใช้เป็นแหล่งผลิตพลังงานกล และ “ฟรีไฟฟ้าจากพลังงานแม่เหล็ก” เป็นพลังงานทดแทนแบบไม่มีวันหมด และยังนำไปใช้ประโยชน์กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกชนิด รวมทั้งใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และสร้างนวัตกรรมออกสู่ตลาดในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย
อาจารย์บอกอีกว่าผลงานชิ้นนี้เพิ่งคิดและเริ่มสร้างเมื่อปลายปี 2558 แล้วก็ส่งประกวดได้รางวัลชนะเลิศสิ่งประดิษฐ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระดับภาคเหนือ ส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าคันต้นแบบ ทำความเร็วได้ถึง70 กม./ชม.
หลังข่าวชิ้นนี้เผยแพร่ออกมาครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มาออกความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า นวัตกรรมดังกล่าวไม่น่าใช่เรื่องจริง หรืออาจมีการทำความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะเทคโนโลยีที่เรามีใช้ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทำให้เครื่องยนต์ใดๆ ที่ทำงานได้เองโดยไม่ใช้พลังงานภายนอก และถึงแม้ว่าสิ่งประดิษฐ์จะมีประสิทธิภาพถึง 100% ที่แปลว่าสามารถเอาความร้อนมาแปลงเป็นงานหมดก็จะยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี ดังนั้นถ้าพิจารณาเครื่องยนต์ที่ทำงานไม่หยุดจึงไม่สามารถเป็นจริงได้
โดยปกติเครื่องยนต์จะทำงานโดยใช้หลักเปลี่ยนพลังงานไปเป็นงาน แต่ไม่มีกระบวนการใดตามธรรมชาติที่เปลี่ยนพลังงานไปเป็นงานได้ 100% เพราะบางช่วงต้องมีการสูญเสีย ดังนั้นเครื่องยนต์จึงต้องการพลังงานจากข้างนอกมาใช้เสมอ และพลังงานที่ใช้จะมากกว่างานที่ได้เพราะมีพลังงานที่เสียไป ตามกฎข้อ 2 ของหลักเทอร์โมไดนามิกส์
มักมีคนที่ไม่เข้าใจหลักการ และพยายามสร้างเครื่องยนต์แบบนี้ขึ้นมาบ่อยๆ โดยอ้างว่าเอาพลังงานได้มาแบบฟรีๆ เช่น เอาไฟฟ้ามาสูบน้ำไปใส่ถังที่สูงแล้วปล่อยลงมาปั่นไดนาโมกลับไปสูบน้ำขึ้นไปไหม่ แล้วอ้างว่าเครื่องจะเดินได้ไม่รู้จบ เขาเลยเรียกว่า “เครื่องจักรนิรันดร์” ทั้งที่จริงแล้วพลังงานที่ได้คืนไม่ถึงเสี้ยวของที่เสียไป
"ที่น่าตกใจคือมีคนทำเครื่องมือลักษณะนี้ออกโทรทัศน์หลายครั้ง แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ทำไม่ได้ ตามต่างจังหวัดก็มีทำไปหลอกขายเกษตรกรเยอะ บอกว่าเป็นปั๊มน้ำไม่ใช้ไฟฟ้าบ้าง บอกว่าเอาพลังงานปกติมาใช้ฟรีๆบ้าง แต่จริงๆ แล้วเงินที่เสียเพิ่มขึ้นมันมากกว่าพลังงานที่ได้มา สรุปแล้วถ้าให้ดูแบบละเอียดจริงๆ เครื่องนี้ไม่มีทางทำงานต่อเนื่องได้ถ้าไม่เอาเครื่องยนต์มาต่อ แล้วประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ทั่วไป แบบไม่ได้เจาะจงกับเครื่องนี้ก็ทำได้ก็ไม่เกิน 10% เท่านั้น" ดร.สธนกล่าว
นอกจาก ดร.สธนแล้วมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในเว็บไซด์ด้วย บางคนให้ข้อสังเกตด้วยเหมือนกัน อาทิ เขาบอกว่า เขาเป็นคนออกแบบมาเหมือนกัน ขออธิบายง่ายๆ ว่า หลักการที่อาจารย์พูด คือ หลักการของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเบื้องต้น ที่ต้องใช้น้ำมันในการเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้ว ชาร์จเข้าไปในแบตเตอรี หรือนำไปใช้ก็ตามแต่ครับ หลักการนี้ถูกนำมาดัดแปลงมาใช้กับแนวทางเรื่องจักรกลนิรันดร์กันอยู่ แต่ฝรั่งยอมแพ้ไปหลายเจ้าแล้วครับ เพราะติดปัญหา เรื่องแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงาน ที่เหลือก็แต่แขกโชว์ตามยูทูป ซึ่งสุดท้ายก็โดนจับได้หมด ส่วนงานของอาจารย์ พิสูจน์ไม่ยากครับ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือ ไม่จริง ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ อาจารย์มีแบตเตอรี่ที่ช่วยในการสตาร์ทเครื่อง ถ้าหลังจากติดเครื่องแล้วถอดออก แล้วรถยังวิ่งได้อยู่เหมือนเดิม งานนี้คือของจริงครับ แต่ถ้า ไม่สามารถวิ่งได้งานนี้ ก็คือรถไฟฟ้าทั่วไปเลยครับ ผมไม่ขอฟันธงว่าจริงหรือปลอมครับ ยังไงก็ต้องรอพิสูจน์ และก็ต้องให้เกียรติเจ้าของผลงานครับ ผมแค่อธิบายตามเนื้อผ้าครับ......
บางคนก็ว่า แม่เหล็กที่นำมาใช้ต้องผ่านกระบวนการผลิต ซึ่งพลังงานที่เติมให้แม่เหล็ก มากกว่าที่แม่เหล็กปล่อยออกมา เรียกว่าทำแล้วไม่คุ้มทุนกับที่ลงไป .....คิดแบบนี้คนอื่นคิดมาก่อนแล้ว และรู้ว่ามันไม่ใช่จึงเลิกทำกันครับ........
กลับมาที่อาจารย์ไพลรัตน์ สำลี หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ อาจารย์ไพลรัตน์บอกเพิ่มเติมว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวไปมีนักวิชาการที่ไม่เชื่อว่าทำได้ เบื้องต้นขอชี้แจงว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็กคันต้นแบบนี้อยู่ในขั้นตอนศึกษาวิจัย ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันกำลังพัฒนาเพื่อร่วมแข่งขันในระดับชาติ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถ้ายังไม่เห็นด้วยตาก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป แม้ตามทฤษฎีอาจดูเป็นไปไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติมันเป็นไปได้เพราะทดสอบแล้วเห็นผลจริง
“คำว่าฟรีไฟฟ้าผมหมายถึงการนำเอาไฟฟ้าออกมาใช้แบบฟรีๆ ไม่ใช่นิรันดร์ ตอนนี้ผมให้ข้อมูลได้ไม่มากเพราะอยู่ระหว่างการขอจดสิทธิบัตร ถ้าได้แล้วผมจะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง สอบถามกันได้ในงานแข่งขันที่ไบเทค”
แถมท้ายอาจารย์ยังกล่าวอีกว่า หลังจากตกเป็นข่าวแค่วันเดียวก็มีคนโทรศัพท์มาหาเป็นร้อยคน หลายคนก็ขอมาศึกษาดูงาน แต่บางคนก็พูดลักษณะข่มขู่ ตนเป็นแค่ครูสอนให้ความรู้นักศึกษา ไม่ได้ทำเพื่อปิดกั้นพลังงานอื่นๆ หรือคิดทำอะไรในเชิงธุรกิจใหญ่โต แค่ทำหน้าที่ของครูเท่านั้น และอยากให้คนไทยได้ใช้พลังงานอีกทางเลือกหนึ่งด้วย
เรื่องนี้จะลงเอยอย่างไรเดี๋ยวก็คงเป็นข่าวกัน แต่ที่แน่ๆ เท่าที่ดูจากภาพเคลื่อนไหวแล้ว รถมอเตอร์ไซด์ไทยประดิษฐ์คันนี้วิ่งได้จริงๆ ครับ ส่วนจะขัดกับหลักฟิสิกซ์อย่างไรหรือไม่ผมก็ไม่ทราบ ก็เห็นรถมันวิ่งฉิวไปเลยหล่ะครับ !! ผมก็เห็นแพร่ข่าวทางโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ก่อนที่ผมจะเดินทางไปต่างจังหวัดครับ จักรยานยนต์วิ่งได้จริงๆ