แบรนด์ดังเด้งรับ! ชงสูตรสินค้าใหม่ไร้ 'ไขมันทรานส์' ออกวางขายทันที ขณะที่ นักวิชาการไทยชี้เป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่กล้าประกาศห้ามนำเข้า ผลิต และจำหน่าย คาดต้นปีหน้า อย. จับมือหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบ
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) ซึ่งมีผลวิจัยพบว่า ไขมันทรานส์เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ขณะที่ ในหลายประเทศ ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศห้ามไม่ให้ใช้ไขมันทรานส์แล้ว แต่ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีผู้ประกอบการอาหารหลายชนิดใช้ไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ เช่น ฟาสต์ฟู้ด เฟรนช์ฟรายส์ โดนัต เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม เนยขาว คุกกี้ เป็นต้น ส่วนผู้บริโภคก็ไม่รับรู้ถึงภัยร้ายที่มี อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวผลักดันให้ผู้ประกอบการต่างเร่งปรับแผนเพื่อรองรับทันที
[caption id="attachment_299223" align="aligncenter" width="503"]
©Jonathan Miksanek[/caption]
โดย
'แมคโดนัลด์' แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ ได้ออกแถลงการณ์ตอกย้ำเมนูอาหารปลอดภัยไร้ไขมันทรานส์ โดยยืนยันว่า น้ำมันที่ใช้ทอดอาหารเป็นน้ำมันปาล์มที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานปราศจากไขมันทรานส์จากซัพพลายเออร์ในประเทศ และยังพัฒนาผลิตภัณฑ์พายที่ไร้ไขมันทรานส์ออกวางจำหน่ายตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ยกเลิกนำเข้าเมนูเบเกอรี่ที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ และอยู่ระหว่างตรวจสอบวัตถุดิบในเบเกอรี่อีกหลายรายการ เนื่องจากเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ
ขณะที่ น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท
'เทสโก้ โลตัส' กล่าวว่า เทสโก้ โลตัส ได้ปรับสูตรเบเกอรี่แบรนด์เทสโก้ทุกรายการ จำนวนกว่า 25 รายการ ที่วางจำหน่ายในทุกสาขาทั่วประเทศ ให้ปราศจากไขมันทรานส์ ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
[caption id="attachment_299225" align="aligncenter" width="328"]
©shoponline.tescolotus.com[/caption]
ด้าน
นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซี ประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเคเอฟซี เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เคเอฟซี ประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบายตามบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ในการยกเลิกการจำหน่ายอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์มาตั้งแต่ปี 2558 โดยได้ทำงานร่วมกับคู่ค้าผู้จำหน่ายวัตถุดิบทุกราย ในการเลิกใช้ส่วนผสมที่สามารถทำให้เกิดไขมันทรานส์ออกไป พร้อมใช้น้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นน้ำมันที่ไม่มีไขมันทรานส์ ในการประกอบอาหารเมนูไก่ทอดและเมนูอื่น ๆ ของร้านด้วย โดยปัจจุบัน เคเอฟซีมีเมนูจำหน่ายกว่า 32 เมนู มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 651 ร้าน
นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ กล่าวว่า การที่ไขมันทรานส์เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอาหาร เพราะมีราคาถูก แต่มีภัยและผลกระทบมากมาย ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรก ๆ ของเอเชียที่ประกาศห้ามนำเข้า ผลิต และจำหน่าย ถือเป็นสิ่งที่ดี ขณะที่ ประเทศสหรัฐอเมริกายกเลิกห้ามตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการปรับตัว ส่วนคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยเริ่มศึกษา พร้อมนำนักวิชาการมาวิเคราะห์ผลกระทบ รวมถึงผู้ประกอบการต่าง ๆ เข้ามาแลกเปลี่ยนเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งผู้ประกอบการก็ได้เตรียมและรับรู้มาตลอด
[caption id="attachment_299227" align="aligncenter" width="335"]
สง่า ดามาพงษ์
นักวิชาการด้านโภชนาการ[/caption]
ดังนั้น จะเห็นว่า เมื่อกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศหลายแห่งก็ยกเลิกใช้ได้ทันที ขณะที่ การให้เวลาปรับตัว 180 วัน ถือเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 เป็นต้นไป เชื่อว่า อย. และหน่วยงานต่าง ๆ จะออกตรวจสอบร้านค้า ผู้ประกอบการ ตลาดนัดต่าง ๆ ที่ยังคงใช้ไขมันทรานส์ในการประกอบอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีสินค้ามากมายที่ใช้ไขมันทรานส์และคนไทยยังขาดความรู้ อย่างไรก็ดี การออกมาตรการดังกล่าวย่อมส่งผลดี เพราะไขมันทรานส์ส่งผลต่อร่างกายอย่างมาก ทั้งนี้ เชื่อว่าระยะเวลา 180 วัน ที่ สธ. ผ่อนผันให้จะทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ทัน ขณะเดียวกันเป็นโอกาสของขนมไทยที่จะเข้ามา เพราะปัจจุบันไขมันทรานส์จะอยู่ในสินค้าต่าง ๆ มากมาย
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,384 วันที่ 19-21 ก.ค. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
แบนไขมันทรานส์ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
●
แบน "ไขมันทรานส์" สะเทือนธุรกิจฟาสต์ฟู้ด ?