ตลาดนักการเมืองก็คล้าย ๆ กับตลาดนักฟุตบอล เมื่อใกล้ถึงฤดูกาลใหม่ ก็จะเห็นการซื้อตัว ย้ายค่ายไปอยู่ทีมใหม่อยู่เป็นประจำ การย้ายค่ายของนักการเมืองไทยก็เช่นกัน ที่มักจะมีเสมอเมื่อการเลือกตั้งกำลังจะมาถึง เพียงแต่การย้ายค่ายจากพรรคการเมืองหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่ง เรียกรวม ๆ ว่า
“การดูด”
“เงิน” ไม่ใช่องค์ประกอบเดียวในการย้ายค่าย หากแต่ปัจจัยความ
“อยู่รอด” และโอกาสได้เป็นส.ส.ในแต่ละห้วงเวลาเป็นเหตุผลสำคัญ แต่ก็ต้องมี
“เงิน” เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการเมืองถูกทำให้เป็นเรื่องของการใช้เงินมานานหลายสิบปี บางพรรคอาจจะ
“ดัดจริต” อ้างเหตุผลการดูดอดีตส.ส.ของพรรคอื่นมาอยู่พรรคตน ว่าเป็นเพราะ
“อุดมการณ์เดียวกัน” แต่พออดีตส.ส.ของพรรคย้ายไปสังกัดพรรคอื่น ก็แถลงว่า
“ถูกดูดด้วยเงินและตำแหน่ง” (เกิดขึ้นเสมอกับคนในพรรคประชาธิปัตย์)
พรรคเพื่อไทย ก่อกำเนิดมาจากพรรคไทยรักไทย ที่นำโดยทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2541 เพื่อสนองรับการเลือกตั้งปี 2544 เติบโตอย่างรวดเร็วด้วย
“อภิมหาดูด” คือการควบรวมพรรคการเมืองอื่นเข้ามาไม่ว่าจะเป็นพรรคความหวังใหม่ ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พรรคเสรีธรรม ของ ประจวบ ไชยสาส์น พรรคเอกภาพ ของ ไชยยศ สะสมทรัพย์ พรรคกิจสังคม ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รวมทั้งกลุ่มการเมืองน้อยใหญ่ ด้วยอำนาจ
“เงินระดับเศรษฐีหมื่นล้าน” ในขณะนั้น (พ้นตำแหน่งนายกฯ เป็นเศรษฐีแสนล้าน) และควบรวมพรรคชาติพัฒนา ของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในภายหลังตั้งรัฐบาลเพื่อมุ่งหวังกวาดส.ส.ให้มากที่สุดในการเลือกตั้งปี 2548
[caption id="attachment_297788" align="aligncenter" width="503"]
สุชาติ ลายน้ำเงิน
อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดลพบุรี[/caption]
ตลกร้ายคือ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 สุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นเรื่องให้กกต.ตรวจสอบกิจกรรมการดูดของแก๊งสามมิตร (สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ที่ไปกวาดต้อนส.ส.เพื่อไทย เพื่อสร้างกลุ่มต่อรองเจ้าของพรรคพลังประชารัฐสนับสนุน ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้ง ข้อร้องเรียนของ สุชาติ กล่าวหาว่ากลุ่มสามมิตร ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง! (ว่าเข้าไปนั่น)
หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเล่าให้ฟัง ไม่ได้เป็นเพราะชอบหรือปกป้องแก๊งสามมิตร เพราะวิธีการใช้เงิน รวบรวมนักการเมืองเข้าพรรคไม่ว่ารูปแบบใด จะทำให้
“วงจรอุบาทว์” อยู่กับการเมืองไทยอีกต่อ ซึ่งควรปฎิรูป แต่ที่หยิบยกมาเพราะเห็นว่านี่คือตลกร้ายในการเมืองไทย ในอดีตพรรคตัวเองดูดคนอื่น นอกจากไม่ออกมาโวยวายยังปลื้มกับการดูดมามากมายจนเป็นรัฐบาลหลายครั้ง พอถูกดูดกลับบ้างกลับร้องเสียงหลง ภาษานักเลงเขามักใช้คำว่า
“ทีเองข้าไม่ว่าแต่ทีข้าเอ็งอย่าโวย”
พรรคเพื่อไทยมีปฏิกิริยาเยอะหลังถูกตัดกำลัง ไล่เลียงจากเจ้าของพรรคอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกอาการ
“ไล่ส่ง” หลังเกลี้ยกล่อมให้คนจะออกอยู่ต่อไม่สำเร็จ แต่ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ เพราะทักษิณ ชินวัตร ยิ่งพูดยิ่งเสียหาย พรรคถึงขนาดอาจจะเข้าข่าย
“ถูกยุบพรรค” ได้ จนใช้วิธีการ
“ขี้ฟ้อง” อย่างที่อดีตส.ส. ทำ แต่แทนที่จะได้รับความเห็นใจ กลับมีแต่เสียงบอกว่า
“สมน้ำหน้า” และ
“ดาบนั้นคืนสนอง” กรรมมันติดจรวด เห็นกันในชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า
| คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ
| โดย : เอราวัณ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 16 ฉบับ 3383 ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ค.2561