ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อเจ้าพระยาจักรี ซึ่งเป็นที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทรงโปรดเกล้าฯ
“นายฉลองไนยนาถ (นายบุนนาค)” ให้เป็นพระยาอุไทยธรรม และในพ.ศ.2328
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาอุไทยธรรม (บุนนาค) นำทัพไปสกัดกั้นพม่า ที่เมืองชัยนาท เมื่อกองทัพหลวงยกขึ้นไปได้ขับไล่ข้าศึกแตกพ่ายไป เมื่อเสร็จศึกครั้งนั้นแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนเป็นพระยายมราช แล้วเป็นเจ้าพระยายมราชต่อมา
ครั้น พ.ศ. 2330 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จยกพยุหยาตราทัพหลวงขึ้นไปตีเมืองทวาย เจ้าพระยายมราชได้เป็น
กองหน้า เจ้าเมืองทวายขอสวามิภักดิ์ และต่อมาเมืองทวายรวมกับพม่ากลับแข็งข้ออีก จึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) น้องต่างมารดาของท้าววรจันทร์ (แจ่ม) ไปตีเมืองทวาย เมื่อ พ.ศ.2336 แต่ไม่สำเร็จ ต้องล่าทัพกลับ เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) สูญหายในที่รบ จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเจ้าพระยายมราช (บุนนาค) เป็นเจ้าพระยามหาเสนา ที่สมุหพระกลาโหม แล้วเป็น “เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา”
เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ถึงแก่อสัญกรรมในปลายแผ่นดินรัชกาลที่ 1 เมื่อปีฉลู พ.ศ. 2348 รวมอายุ 67 ปี ท่านเป็น ต้นสกุลนับเป็นชั้นที่ 1 ของสกุลบุนนาค และนับเป็นชั้นที่ 6 ที่สืบเชื้อสายจากเจ้าพระยาบวรราชนายก หรือ
“ท่านเฉก อะหมัด” ปฐมจุฬาราชมนตรีแห่งสยาม
เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) มีบุตรธิดารวม 34 คน โดยมีกับเจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล 10 คน
โดยลูกหลานของท่านล้วนแต่เป็นผู้ประกอบคุณงามความดีอันเป็นคุณานุคุณแก่แผ่นดินเกิดมาแล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะบุตรของท่าน 2 คนที่ได้รับราชการเป็นถึงสมเด็จเจ้า พระยาคือ
“เจ้าคุณชายทัต” หรือ
“สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ” คนทั้งหลายเรียกว่า
“สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย” และ
“เจ้าคุณชายดิศ” เป็น
“สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์” คนทั้งหลายเรียกว่า
“สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่” และท่านยังเป็นบิดาของ
“สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์” นามเดิม
“ช่วง บุนนาค” ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างพ.ศ. 2412 ถึงพ.ศ. 2416
โดยชื่อคำว่า
“ประยูรวงศ์” และ
“พิชัยญาติ” สื่อได้ถึงความเป็นดั่ง
“เครือญาติ” หรือ
“ญาติสนิท” ของราชวงศ์...
บุตรหลานที่สืบเชื้อสายเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) แม้บางท่านจะได้รับพระราชทานนามสกุลใหม่ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ดังกล่าวมาแล้ว แต่มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้นามสกุล
“บุนนาค” จนถึงปัจจุบัน เพราะท่านเหล่านั้นเป็นบุตรหลานที่สืบเชื้อสายจากเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) เช่นเดียวกัน
โดยสรุป ตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ “สกุลบุนนาค” ได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาถึง 3 องค์ โดยเป็นสมุหพระกลาโหมสืบทอดกัน 4 ชั่วคน 4 ท่าน และเป็นเจ้าพระยารวม 12 ท่าน
หลังจากการค้นคว้า หมั่นศึกษาและอ่านหนังสือเก่าของคุณยายและคุณทวด ทำให้ผมได้ทราบถึงเกียรติประวัติ คุณงามความดี ความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดีของต้นตระกูล
“บุนนาค” ที่มีต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์
และนี้คือความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ลูกหลานผู้สืบเชื้อสาย
“ท่านเฉกอะหมัด” และ
“เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา” ควรระลึกไว้ในจิตในใจเสมอ
ดังนั้นเมื่อจะคิดการสิ่งใด ก็ควรเป็นไปเพื่อประเทศชาติอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ… ดั่งที่บรรพบุรุษเราได้กระทำมา
...........................
คอลัมน์ |ฉาย บุนนาค หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3362 หน้า 17 ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค.2561
อ่านข่าวเพิ่มเติม...
[caption id="attachment_278267" align="aligncenter" width="503"]
ฉาย บุนนาค : ประวัติสกุล ‘บุนนาค’ และความจงรักภักดีในสายเลือด กับ‘มหาจักรีบรมราชวงศ์’ (1)[/caption]