‘เอ็กซอนโมบิล’ ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เอาจริง! วิ่งหาพื้นที่ 700-900 ไร่ ผุดคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมี ลงทุน 1.6-2 แสนล้านบาท เร่งเจรจาท่าเรือแหลมฉบังและ กนอ. สรุปพื้นที่ให้ได้ภายใน 2 เดือน ยกเงื่อนไขอยู่ห่างจากโรงกลั่นเอสโซ่รัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร เล็งที่ป่าไม้กรมธนารักษ์
จากกรณีที่ นายแจ็ก พี.วิลเลี่ยมส์ รองประธานอาวุโส บริษัท เอ็กซอน โมบิลฯ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้เข้าหารือกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา แสดงเจตนารมณ์ที่จะขยายการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จากปัจจุบัน บริษัทในเครืออย่าง บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีการตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่แล้ว
โดยมีความประสงค์จะตั้งโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนราว 2 แสนล้านบาท เพื่อผลิตปิโตรเคมีและส่งออกให้กับลูกค้าในต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งเอ็กซอนโมบิลต้องการพื้นที่ราว 600 ไร่ และอยู่ใกล้กับท่าเรือของโรงกลั่นเอสโซ่ เพื่อดำเนินการต่อท่อรับและขนถ่ายวัตถุดิบใช้ในการผลิต แต่พื้นที่ของโรงกลั่นเอสโซ่ปัจจุบันค่อนข้างมีจำกัด ทางเอ็กซอนโมบิลจึงขอให้ทางรัฐบาลดำเนินการจัดหาที่ดินตั้งโรงงานดังกล่าวให้ ล่าสุด ทางนายสมคิดจึงได้มอบหมายให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) ไปดำเนินการเร่งหาที่ดินให้แล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางบริษัท เอ็กซอน โมบิล ได้มีหนังสือผ่านมาทางสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) โดยนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) จึงได้มอบหมายท่าเรือแหลมฉบังและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ไปศึกษาในรายละเอียดของสถานที่ตั้งโรงงานปิโตรเคมี
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางตัวแทนของบริษัท เอ็กซอน โมบิล จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้เข้าหารือกับท่าเรือแหลมฉบัง แจ้งวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนราว 1.6-2 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างปิโตรเคมีส่วนต่อขยาย โดยปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่กำลังการผลิต 1.74 แสนบาร์เรลต่อวัน ที่มีอยู่ปัจจุบัน ให้ได้แนฟทาเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานแครกเกอร์ เพื่อผลิตเป็นโพลิเมอร์ หรือ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก ส่งออกต่อไป
ทั้งนี้ จากการหารือดังกล่าว ทางเอ็กซอนโมบิลต้องการพื้นที่ราว 700-900 ไร่ อยู่ใกล้กับโรงกลั่นเอสโซ่และใกล้กับท่าเรือแหลมฉบังในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร เพื่อที่จะสะดวกต่อการต่อท่อส่งป้อนวัตถุดิบจากโรงกลั่น และประหยัดต้นทุนในการขนส่งเม็ดพลาสติกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ที่เอ็กซอนโมบิลต้องการใช้เป็นศูนย์กลางการส่งออกไปทั่วโลก รองจากสิงคโปร์
[caption id="attachment_276207" align="aligncenter" width="503"]
แจ็ก พี.วิลเลี่ยมส์ รองประธานอาวุโส บริษัท เอ็กซอน โมบิลฯ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้เข้าหารือกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา[/caption]
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า จากการพิจารณาความต้องการของเอ็กซอนโมบิลแล้ว พบว่า พื้นที่บริเวณของท่าเรือแหลมฉบังและใกล้กับพื้นที่เดิมของโรงกลั่นนั้น เต็มหมดแล้ว จะเหลือเพียงพื้นที่ป่าไม้ของกรมธนารักษ์ ซึ่งอยู่ติดกับโรงกลั่นเอสโซ่ รวมถึงพื้นที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง ที่ให้บริษัท ยูนิไทยฯ เช่าดำเนินการนั้น ซึ่งแต่ละพื้นที่มีเงื่อนไขในการนำมาใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน
โดยมองว่า พื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่สุด น่าจะเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ แต่จะต้องอาศัยระเบียบตาม พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกว่าด้วยการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เข้ามาดำเนินการ ซึ่งคงต้องตั้งทีมงานร่วมกันมาศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ต่อไป
“ทางเอ็กซอนโมบิลต้องการให้ทาง สกรศ. สรุปการจัดหาที่ดินให้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อเป็นส่วนประกอบการตัดสินใจในการลงทุน เนื่องจากไม่ได้มองไทยประเทศเดียว แต่มีทางเลือกที่เวียดนามและจีน เพราะหากพื้นที่ตั้งโรงงานเกินกว่ารัศมี 5 กิโลเมตร ทางเอ็กซอนโมบิลประเมินแล้วไม่คุ้มค่า เพราะจะมีต้นทุนการผลิตและขนส่งสูง ก็จะไปเลือกเวียดนามและจีนแทน แต่ที่เลือกไทยก่อน เพราะมีนโยบายอีอีซีที่จะดึงดูดนักลงทุนได้ และเอ็กซอนโมบิลก็มีฐานผลิตเดิมอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นโอกาสของไทยที่มีโครงการขนาดใหญ่เข้ามา ดังนั้น เชื่อว่าทาง สกรศ. คงจะสรุปการจัดหาพื้นที่ตั้งโรงงานได้ในเร็ว ๆ นี้”
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1-4 เม.ย. 2561 หน้า 11
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
เกาะติดอีอีซี : เอ็กซอนโมบิลจ่อลงทุน - จับมืออียูพัฒนาSMEs
●
ขอรัฐ 2 พันล้าน อุ้ม SME เพิ่ม! หวั่นผลกระทบค่าแรง ขอขยายเวลาลดหย่อนภาษี 3 ปี