เมื่อยังเด็กและอยู่ในวัยเรียนตั้งแต่ชั้นปฐม มัธยม จนถึงระดับมหาวิทยาลัย จวบจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวของพระมหากษัตริย์ในโลกที่เคยได้รับรู้จากการศึกษาเล่าเรียน หรือรับฟังจากผู้รู้นักประวัติศาสตร์ถ่ายทอด บอกเล่าให้เราได้รับทราบ เท่าที่ผู้เขียนจะประมวลได้ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวของพระมหากษัตริย์ที่เป็นนักรบ ผู้เก่งกล้าสามารถในการสงคราม การรบเพื่อสร้างและขยายอาณาจักรแห่งตน
เพื่อยึดและขยายดินแดนอำนาจการปกครองของตนให้กว้างใหญ่ไพศาล แสดงออกให้โลกรู้ถึงอำนาจบารมีและอำนาจของตน ที่สามารถแผ่อำนาจปกครองแว่นแคว้นต่างๆ ยิ่งมีแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล มีกำลังคนเข้ามาสวามิภักดิ์มากมายยิ่งกว่าอาณาจักรอื่นๆเพียงใด ก็เป็นเครื่องแสดงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตน นี่คือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ในอดีตที่ผ่านมา
โลกยุคก่อนคริสต์ศักราชนับร้อยปี เราทุกคนคงได้ฟังเรื่องราวของ กาลิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ (ลาติน:CAIVS/GALIVS IVLIVS CAESAR) หรือ จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) ที่เป็นทั้งรัฐบุรุษ แม่ทัพ ที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองสาธารณรัฐโรมัน สร้างความเจริญแก่จักรวรรดิโรมันในยุค 60 ปีก่อนคริสต์ศักราช ขยายอำนาจไปถึงฝรั่งเศส สเปน และดินแดนแอฟริกา แต่มีอำนาจมากก็สร้างศัตรูมาก ทำลายชีวิตผู้คนมาก สุดท้ายก็จบชีวิตลงด้วยการถูกลอบสังหารจากลูกเลี้ยงของตนคือ
“มาร์คุส จูนิอุส บรูตุส” ด้วยคมดาบที่ปักทะลุคอ ล้มลงขาดใจตายจมกองเลือด
หรือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ในยุคหลังคริสต์ศักราชก็ล้วนแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสงคราม การสู้รบ ใช้กำลังอำนาจในการขยายอาณาจักรและดินแดนในการปกครอง จนกินดินแดนในแถบยุโรปเกือบทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินโปเลียนเป็นที่รับรู้โดยทั่วไป แต่สุดท้ายจุดจบก็ต้องถูกบังคับให้สละราชสมบัติจากกองทัพพันธมิตร รัสเซีย สวีเดน ออสเตรีย และปรัสเซีย และถูกเนรเทศไปประทับที่เกาะ Elba ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean)
หันมามองประวัติศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย ก็มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ไม่แตกต่างกัน หากจะย้อนอดีตที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เราคงจะได้รับฟังแต่เรื่องการสู้รบเพื่อปกป้องอาณาจักรหรือการสู้รบของกษัตริย์ผู้ปกครองแว่นแคว้น และอาณาจักรต่างๆ ออกรบเพื่อขยายอาณาเขตและดินแดนการปกครอง เพื่อความยิ่งใหญ่และแย่งชิงทรัพยากรของดินแดนอื่นๆมาเป็นของตนแทบทั้งสิ้น
มาถึงโลกยุคปัจจุบัน การรุกรานและล่าดินแดนหรือล่าอาณานิคมทางการเมือง การปกครอง และทางเศรษฐกิจ ก็เปลี่ยนร่างแปลงโฉมไป มหาอำนาจที่มีพฤติกรรมในลักษณะรุกราน ขยายอิทธิพลไปทั้งโลกขณะนี้ที่มองเห็นโฉมหน้าอย่างเปิดเผย ก็คือพันธมิตรระหว่างอเมริกากับอังกฤษที่เหนียวแน่น โดยพยายามอาศัยความร่วมมือกับยุโรป และประเทศในเอเชีย ตะวันออกกลาง บางประเทศเป็นแนวร่วม ความวุ่นวายและสงครามทั้งโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ต้องมีอเมริกาและอังกฤษเข้าไปเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น ยังดีที่โลกขณะนี้มีจีนกับรัสเซีย เป็นประเทศคอยคานอำนาจถ่วงดุล และประเทศอื่นๆต่างรู้ไส้รู้พุงมหาอำนาจอเมริกา จึงไม่ยอมหลงกลตกเป็นเครื่องมือ
ความเจริญมั่นคง ยั่งยืนและเข้มแข็งเป็นปึกแผ่นของความเป็นชาติไทย ภายใต้การปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ที่มีความต่อเนื่องยาวนานมานับหลายร้อยปี หรือหากนับย้อนไปถึงยุคสุโขทัย อยุธยา ก็นับได้เป็นพันปี ที่ประเทศไทย คนไทยผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งหากจะกล่าวความจริงตามประวัติศาสตร์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เข้มแข็งต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ในขณะที่ยุโรปที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตดังที่กล่าวมาและในเอเชียหลายประเทศต่างล่มสลายหมดแล้ว ที่มีและเหลืออยู่ก็มิได้เข้มแข็งและมีบทบาทในทางการเมือง การปกครอง ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม หรือเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ เป็นจุดรวมทางจิตวิญญาณของคนในชาติเยี่ยงพระมหากษัตริย์ของไทยแต่อย่างใดไม่
นอกจากนี้ พระมหากษัตริย์ของไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน บูรพมหากษัตริย์ของไทยล้วนมีส่วนสำคัญร่วมกับประชาชน ในการสร้างชาติสร้างประเทศ ให้มีความเจริญเข้มแข็ง มีความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนต่อเนื่องสืบมาทุกพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน พสกนิกรทั้งหลายว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ ด้วยทุ่มเทพระวรกายทรงงานหนักตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่ทรงครองราชย์ ด้วยโครงการพระราชดำริน้อยใหญ่ร่วม 5,000 โครงการ ได้เปลี่ยนชีวิตและสร้างความอยู่ดีกินดี แก้ปัญหาความยากจนแร้นแค้นของประชาชนแล้ว ยังได้ทรงค้นคิดประดิษฐ์หลายสิ่งหลายอย่างทิ้งไว้ให้เป็นมรดกแก่พสกนิกรชาวไทย ที่รวมเรียกว่า
“ศาสตร์พระราชา” จะเป็นเรื่องใดบ้างก็สุดจะพรรณา
สำหรับคนไทยแทบไม่ต้อง กล่าวซํ้า ทุกคนทราบและตระหนักดีในข้อนี้ การที่คนไทยทั้งแผ่นดินหลั่งไหลออกมาร่วมถวายดอกไม้จันทน์ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็ย่อมเป็นที่ประจักษ์เป็นอย่างดีแก่สายตาชาวโลก ทั้งในงานดังกล่าวยังได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีในชาติตะวันตกอย่างอเมริกา อังกฤษ หรือยุโรป และเอเชีย
โครงการพระราชดำริและแนวทางที่พระมหากษัตริย์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้สร้างทำไว้ให้แก่ประชาชนชาวไทย ยังได้เป็นต้นแบบให้แก่ชาวโลก และยังได้แผ่พระบารมีแบบไร้พรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างลาว กัมพูชา ภูฏาน หรือติมอร์ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลกนำไปเป็นแนวทางได้อีกด้วย พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในทางสร้างสรรค์และพัฒนา โดยมิได้ใช้อำนาจและกำลังไปรุกรานขยายอำนาจและดินแดนเยี่ยงอดีต เพราะพระมหากรุณา ธิคุณเป็นล้นพ้นต่อชาวไทย ความเป็นมหาราชและความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ จึงอยู่ในใจประชาชนชั่วนิรันดร์
คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน /หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3310 ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.2560