ชิ้นส่วนแอร์จีนทุบผู้ผลิตไทย เปิดช่องนำง่ายขึ้น-คอมเพรสเซอร์ระส่ำสต๊อกบาน

03 มี.ค. 2560 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มี.ค. 2560 | 08:55 น.
ผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นระสํ่าหนัก เจอสินค้านอกทะลักต่อเนื่อง ชี้ 3 เหตุผลเปิดช่องนำเข้า ทำผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์ 10 รายแบกสต๊อกบานเบอะ ยังล้นตลาดอยู่ 16-17 ล้านยูนิตต่อปี

แหล่งข่าวจากวงการผลิตคอมเพรสเซอร์ อุปกรณ์สำคัญในการประกอบในเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตในประเทศ 10 ราย มีกำลังผลิตรวมกันราว 28 ล้านยูนิต รวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบรายการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังเผชิญปัญหากระทบต่อผลการดำเนินงาน เพราะไม่สามารถต่อสู้กับการนำเข้าได้ หลังจากที่มีการเปิดช่องให้นำเข้าได้ง่ายขึ้น

สำหรับสาเหตุที่ผู้ประกอบการกำลังตกที่นั่งลำบาก จนไม่สามารถเดินการผลิตได้ตามเป้าหมายนั้น มาจาก 3 สาเหตุหลักคือ 1. เครื่องปรับอากาศสำเร็จรูปที่มีการซื้อขายระหว่างกลุ่มอาเซียนด้วยกันได้รับการยกเว้นให้ภาษีอากรขาเข้าเป็น 0% ตามข้อตกลงเขตการค้า เสรีอาเซียน (อาฟต้า )2. มีผู้ประกอบการจำนวนมากขออนุมัติยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตสำ หรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา 12(ผู้ขอใช้สิทธิ์ต้องยื่นขออนุมัติรับรองสูตรการผลิตจากสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และการนำเข้าแต่ละครั้งจะต้องได้รับการรับรองจากสถาบันไฟฟ้าฯ)

3. จีนส่งเครื่องปรับอากาศสำเร็จรูปและชิ้นส่วนมาตีตลาดโลกมากขึ้น เพราะเป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ของโลกมีกำลังผลิตถึงกว่า 200 ล้านเครื่องต่อปี (จีนมีกำลังผลิตมากกว่าปริมาณการใช้ของโลกถึง 1เท่าตัวโดยในโลกมีปริมาณการใช้เครื่องปรับอากาศ 140 ล้านเครื่องต่อปี) เมื่อเศรษฐกิจจีนไม่ดี รัฐบาลจึงออกมาอุดหนุนการส่งออกโดยการคืนภาษีให้เมื่อมีการส่งออก ทำให้สินค้าบางส่วนถูกระบายออกไปทั่วโลก และไทยคือหนึ่งในเป้าหมายนั้น

“ขณะนี้เครื่องปรับอากาศสำเร็จรูปนำเข้าจากประเทศนอกอาเซียนจะเสียภาษีอากร 10% ถ้านำเข้าระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกันจะเสียภาษีอากรขาเข้า 0% ส่วนการนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ เช่นคอมเพรสเซอร์จะเสียภาษีอากร 5% เป็นการทั่วไปทั้งในและนอกอาเซียน แต่ถ้ามาใช้มาตรา 12 โดยยื่นสูตรการผลิตไปที่สถาบันไฟฟ้าฯ ก็จะเสียภาษีอากรขาเข้าที่ 0%”

แหล่งข่าวกล่าวว่าจากสาเหตุดังกล่าวทำให้เปิดช่องนำเข้าได้ง่ายขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากข้อเรียกร้องที่ก่อนหน้านี้อัตราภาษีนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศหรือชิ้นส่วนเครื่องใช้ฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงกว่าเครื่องปรับอากาศสำเร็จรูป ทำให้ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศในประเทศมีต้นทุนที่สูง จนได้รับการช่วยเหลือจนมีต้นทุนที่แข่งขันได้ แต่ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนกลับตกที่นั่งลำบาก จากที่เดิมทีแข่งขันได้เพราะมีกำแพงภาษีอากรขาเข้าชิ้นส่วนประเภทเหล็กและพลาสติกสูงตั้งแต่30-40%

ปัจจุบันในประเทศมีผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศและสำหรับตู้เย็นประมาณ10 รายในประเทศและมีความสามารถในการผลิตรวมราว 28 ล้านยูนิตต่อปี ในจำนวนนี้แบ่งเป็นคอมเพรสเซอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ 55% และสำหรับตู้เย็น 45% ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศอยู่ที่ 11-12 ล้านยูนิตต่อปี ทำให้มีคอมเพรสเซอร์ล้นตลาดอยู่ราว 16-17 ล้านยูนิตต่อปี

แหล่งข่าวจากวงการผลิตเครื่องปรับอากาศมากกว่าหนึ่งรายกล่าวตรงกันว่า น่าจับตาไปที่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน) ที่มีกำลังผลิตคอมเพรสเซอร์มากถึง12 ล้านยูนิตต่อปี แต่ขณะนี้ผลิตได้ไม่ถึง 60-70% หลังจากที่มีการนำเข้าทั้งเครื่องปรับอากาศสำเร็จรูปและชิ้นส่วนมากขึ้นโดยขณะนี้ราคาคอมเพรสเซอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นที่นำเข้ามามีราคาถูกกว่าผู้ผลิตในประเทศตั้งแต่ 10-20%ทำให้ขณะนี้เหลือกำลังผลิตตั้งแต่ 30-40% ของกำ ลังผลิตเต็ม

“จากปัญหาดังกล่าวผู้ผลิตรายใหญ่ย่อมได้รับผลกระทบหนัก หลายรายเร่งปรับตัวโดยส่งออกมากขึ้น รายไหนที่มีสายป่านยาวก็ปรับการผลิตให้เข้าสู่อินดัสตรี 4.0 มากขึ้น โดยหันไปใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงการแสวงหาตลาดใหม่ๆ”

เช่นเดียวกับที่นายสำรวยนิ่มแก้ว ประธานบริษัท สำรวยเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ กล่าวว่า ปัญหานี้เกิดจากจีนที่ทำให้ทั่วโลกเดือดร้อนจากการเข้ามาตีตลาดจนคู่แข่งสู้ไม่ได้ นำชิ้นส่วนเข้ามาขายในประเทศไทยถูกกว่าเกือบ 100%ยอมรับว่าทำธุรกิจยากขึ้น เพราะชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศที่ผลิตส่วนใหญ่จะเป็นบอดี้ที่เป็นชิ้นงานพลาสติก และงานเหล็ก มียอดขายรวมต่อปีราว 100 ล้านบาท ขายในประเทศ 70% ป้อนชิ้นส่วนให้กับเครื่องปรับอากาศแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติที่มีฐานผลิตในไทย และส่งออกเป็นชิ้นส่วนไป 30% ขณะนี้มีลูกค้าทั่วประเทศและตลาดส่งออกโซนอาเซียน อเมริกา บราซิล รวม 500 ราย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,240 วันที่ 2 - 4 มีนาคม พ.ศ. 2560