ตลาดหุ้นอาเซียนยังแกร่ง นักวิเคราะห์เชื่อปลอดภัยจากปัญหา‘ทรัมป์’ปะทะจีน

นักวิเคราะห์ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เชื่อตลาดหุ้นในอาเซียนจะปลอดภัยจากปัญหาการค้าโลกที่จะปั่นป่วนจากกระแสความขัดแย้งเรื่องการค้าระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์และผู้นำจีน ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้า เผยเงินทุนไหลไปเพราะเฟดเริ่มไหลกลับ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างนักวิเคราะห์ตลาดทุนในอาเซียนว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากมีภูมิต้านทานปัญหาการค้าโลกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีนหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีไม่พอใจความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนในช่วงการหาเสียงและยังได้แต่งตั้งนายปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) ซึ่งเป็นผู้วิจารณ์จีนมาโดยตลอด เป็นหัวหน้าสภาการค้าแห่งชาติของทำเนียบขาว และผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการค้าและลงทุนซึ่งมีบทบาทอย่างมากในการคุมนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา

บนพื้นฐานการประเมินว่าจะเกิดความผันผวนการค้าโลกขึ้นนั้น นักวิเคราะห์ตลาดทุนและผู้จัดการกองทุนระบุว่า เศรษฐกิจ ของภูมิภาคอาเซียน มีตลาดท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่และมีสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออกที่น้อย ทำให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากปัญหาการค้าโลกได้ดีกว่า ประเทศทางตอนบนของทวีปเอเชีย

บลูมเบิร์กชี้ว่า ความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจภูมิภาค ทำให้ตลาดหุ้นในอาเซียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ลดลงในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนจากปัจจัยแนวโน้มที่แบงก์ชาติสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปี 2560 โดยดัชนีตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซียเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

นายไคลฟ์ แมคดอนเนลล์ (Clive McDonnell) นักกลยุทธ์หุ้นตลาดเกิดใหม่ของบริษัทสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดฯ กล่าวว่า ตลาดอินโดนีเซียน่าสนใจในภาวะที่เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกต่อจีดีพีน้อยและหุ้นในตลาดมีน้ำหนักกิจการที่เป็นอุตสาหกรรมสำหรับการขายในประเทศค่อนข้างมาก

นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะเป็นบวกสำหรับอาเซียน นายวิน พรมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล จัดการกองทุน จำกัด ที่กรุงเทพฯ กล่าวว่า
“ความตึงเครียดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและจีนน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์เพราะนักลงทุนอาจจะย้ายการลงทุนจากจีนมาอยู่ในภูมิภาคนี้ได้” ขณะที่นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. บัวหลวงจัดการกองทุน กล่าวว่า “พื้นฐานของบริษัทในอาเซียนค่อนข้างแข็งแกร่ง และมีมูลค่าจากการประเมินที่น่าสนใจ ถ้าตลาดในสหรัฐไม่ดีอย่างที่คาดหมายกัน เงินทุนอาจจะไหลกลับ”

บลูมเบิร์กระบุว่าเงินทุนเริ่มไหลกลับโดยรายงานว่าหลังจากที่เงินทุนต่างชาติ 4,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.44 แสนล้านบาท) ไหลออกจากตลาดในอินโดนีเซีย ไทย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีที่แล้วปรากฏว่าช่วง ต้นปี 2560 เริ่มมีเงินไหลกลับ 226 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,136 ล้านบาท)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,226 วันที่ 12 - 14 มกราคม 2560