ธุรกิจรับสร้างบ้านร้องศาล ถอนประกาศสคบ.คุมสัญญาไม่เป็นธรรม

13 ธ.ค. 2559 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2559 | 07:54 น.
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านลั่นก่อนสิ้นปี 2559 ยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง ขอความคุ้มครองกรณีสคบ.ประกาศให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญากระทบวงกว้าง แต่จำนวนเรื่องร้องเรียนมีแค่ 0.1% ด้านสคบ. แจงทดลอง 1 ปี หากผู้ประกอบการปฏิบัติถูกต้องไม่ต้องกลัว

นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมมีมติเห็นพ้องให้ทำหนังสือขอความคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครอง กรณี คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญา โดยให้ธุรกิจรับจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยหรือธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันและควบคุมผู้รับเหมาที่ไม่ปฎิบัติตามกฎระเบียบ

สำหรับเหตุผลที่ทางสมาคมต้องทำหนังสือดังกล่าว ก็เนื่องจากว่าสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้านคลาดเคลื่อน ซึ่งสาระสำคัญในหนังสือดังกล่าวก็จะเป็นการชี้แจ้งให้ศาลปกครองเข้าใจถึงสภาพธุรกิจของรับสร้างบ้านว่า มีลักษณะอย่างไรและการที่สคบ.ออกประกาศดังกล่าวจะกระทบต่อภาพรวมธุรกิจอย่างไร ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถดำเนินการยี่นหนังให้กับทางศาลปกครองได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างหนังสือดังกล่าว
จากข้อกังวลของสคบ.ที่ว่าข้อร้องเรียนจากผู้รับเหมามีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นนั้น หากพิจารณาในรายละเอียดแล้ว ก็จะพบว่ามีสัดส่วนไม่ถึง 0.1% จากจำนวนข้อร้องเรียนทั้งหมด และผู้ที่ถูกร้องเรียนก็ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม แต่เป็นผู้รับเหมารายย่อย แต่ประกาศดังกล่าวกลับใช้ครอบคลุมทั้งธุรกิจ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู่ที่ประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง

“การส่งหนังสือดังกล่าวไม่ได้เป็นการแสดงการคัดค้านประกาศดังกล่าว แต่เพื่ออธิบายให้ศาลเข้าใจว่าธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีปัญหาส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคม ขณะเดียวกันทางสมาคมเองก็มีข้อกำหนดและควบคุมบริษัทที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว เพื่อก่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกัน อีกทั้งสมาชิกเหล่านี้เป็นบริษัทที่ต้องการสร้างแบรนด์ ดังนั้นการปฏิบัติตามหลักการและข้อตกลงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ยังมองว่าประกาศดังกล่าวจะทำให้บริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีเกิดการชะลอตัวหรือบางรายอาจจะต้องปิดกิจการ ผิดหลักนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีของรัฐบาล ที่ต้องการให้เอสเอ็มอีเป็น 4.0 ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่งอย่างไรทางสมาคมก็ยินดีดำเนินการตาม”นายพิชิต กล่าว

[caption id="attachment_118985" align="aligncenter" width="311"] พล.ต.ต. ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ พล.ต.ต. ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์[/caption]

ด้าน พล.ต.ต. ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า หากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจะทำหนังสือถึงศาลปกครองก็สามารถทำได้ ถ้าคิดว่าประกาศดังกล่าวกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่เท่าที่ดูก็เป็นเพียงแค่ให้เพิ่มเติมในส่วนของรายละเอียดวัสดุเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาส่วนใหญ่คือผู้รับเหมาทิ้งงาน และพอถึงเวลาคิดเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีการระบุรายละเอียดของวัสดุ ทำให้การเจรจาไม่มีข้อยุติ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาสคบ.ได้มีการเชิญทางสมาคมมาพูดคุยอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีข้อคิดเห็นใดๆ กระทั่งออกประกาศดังกล่าวมากลับมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น และหลังจากที่มีการประกาศดังกล่าวทางสมาคมก็ได้มีการทำหนังสือขอรายงานการประชุมล่าสุด ซึ่งทางสคบ.ก็ยินดีที่จะให้รายละเอียดดังกล่าวกลับไป

“นโยบายส่วนตัวในการทำงานของผมคือ ธุรกิจต้องอยู่ได้ขณะที่ประชาชนก็ต้องได้รับความคุ้มครอง ไม่ได้มีเจตนาให้ธุรกิจต้องได้รับความเดือดร้อน และประกาศดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อยากให้ลองใช้สักปีก่อน ถ้าดูแล้วมันกระทบจริงๆก็สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ ต่อความกังวลว่าประกาศจะเป็นการปิดกั้นบริษัทที่ดำเนินการถูกต้อง ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะในรายละเอียดของประกาศเป็นการควบคุมผู้รับเหมาที่ดำเนินการไม่ซื่อตรงกับผู้บริโภค หากผู้รับเหมาปฎิบัตถูกต้องก็ไม่เห็นจะต้องกลัวประกาศดังกล่าว”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,217 วันที่ 11 - 14 ธันวาคม 2559