ตู้เติมเงินออนไลน์ ธุรกิจเงินสด โตไร้ขีดจำกัด

07 ธ.ค. 2559 | 06:00 น.
โอกาสของธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ เกิดจากการเติมเงินโทรศัพท์มือถือประเภทเติมเงินล่วงหน้า (พรีเพด)ข้อมูลจากโอเปอเรเตอร์ หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 ราย ระบุว่าสิ้นเดือนกันยายน 2559 มีผู้ใช้โทรศัพท์ระบบพรีเพดรวม 71.1 ล้านรายหรือคิดเป็น 80% ของจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์ทั้งประเทศที่มีมูลค่า 1.3แสนล้านบาท

การแข่งขันของธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด 3 ราย คือ ตู้เติมเงินแบรนด์ “บุญเติม” แบรนด์ “ซิงเกอร์” และแบรนด์ “เอเจ เติมสบาย “ นอกจากนี้มีผู้ประกอบการรายย่อยอีก 7-8 ราย โดยตู้บุญเติมเป็นรายใหญ่สุด หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 45 %

ขณะทีมีการคาดการณ์อย่างไรไม่เป็นทางการว่า ตลาดตู้เติมเงินออนไลน์มีมูลค่าตลาดกว่า 7 หมื่นล้านบาท

 “ซิงเกอร์”มองเป็นธุรกิจเงินสด

จะว่าไปแล้วบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด(มหาชน)หรือSINGER เป็นเจ้าแรก ๆที่ทำตู้เติมเงิน ตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ภายใต้แบรนด์ “ซิงเกอร์”

“กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์” ผู้อำนวยการสายงานการขาย และการตลาด ซิงเกอร์ ประเมินว่า ตลาดตู้เติมเงินออนไลน์ยังไปได้ เหมาะกับคนที่ต้องการทำรายได้เสริม ก็สามารถทำได้ เพราะตู้เติมเงินออนไลน์ สามารถทำรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“ตู้เติมเงินเปรียบเหมือนเป็นคอนวีเนียน สโตร์นอกจากนี้มองว่าตลาดตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือมีโอกาสขยายตัวสูง และพัฒนาไปสู่บริการด้านอื่นๆ เช่นการจ่ายค่าสินค้า และการโอนเงินเป็นต้น”

กลยุทธ์การตลาดของซิงเกอร์ จะกระจายนักขายทั่วประเทศ สิ้นปี 2559 มี 1 หมื่นคน ปี 2560 มี 2 แสนคน ขณะที่ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 มี 170 สาขา ปี 2560 ตั้งเป้ามี 200 สาขาทั่วประเทศ กลยุทธ์คือ ขยายพื้นที่ลงสู่ระดับหน้าบ้าน ทำเลลูกค้าจะเป็นร้านค้าโชวห่วย

ธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์มีทั้งหมดกว่า 1 แสนตู้ ซิงเกอร์บอกว่าของตัวเองมีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยตั้งเป้าขายปีละ 1 หมื่นตู้โดยประมาณ

“ธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ยังไม่สิ้นสุด ข้อดีของตู้เติมเงิน คือ เป็นธุรกิจเงินสด สำหรับซิงเกอร์มีฐานลูกค้าในพอร์ตนับแสนบัญชี”มือการตลาดจากซิงเกอร์ กล่าวอย่างท้าทาย

 ตู้ “บุญเติม”เจ้าแรกเอเย่นแบงก์

บริษัท ฟอร์ทสมาร์ท เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือFSMART ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือประเภทพรีเพด และบริการรับชำระเงินออนไลน์ผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติภายใต้ชื่อ “ตู้บุญเติม” สิ้นเดือนกันยายน 2559 มีจำนวนตู้ 85,656 ตู้ มีมูลค่าเติมเงิน 5,766 ล้านบาท มีผู้ใช้งาน 20.7 ล้านเลขหมาย

จากการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ “ตู้บุญเติม” ขยับตัวเองอีกก้าวสู่การเป็นตัวแทน หรือเอเยนต์ธนาคารพาณิชย์ (Banking Agent)ด้วยบริการโอนเงินออนไลน์ ล่าสุดได้ทำสัญญากับธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย ให้บริการโอนเงิน(ฝาก)ผ่านตู้บุญเติม กำหนดวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท คิดค่าธรรมเนียม 35-50 บาท ต่อรายการ

“สมชัย สูงสว่าง” กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ท สมาร์ท กล่าวว่า การเป็นตัวแทนโอนเงินออนไลน์ให้ธนาคารพาณิชย์ บริษัทตั้งเป้า 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และจากที่ได้ประเดิมกับธนาคารกรุงไทย ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด ทำให้มีรายการเพิ่มขึ้นมียอดการโอนกว่า 2,300 รายการต่อวัน จากเดิมมี 1,500 รายการต่อวัน เทียบไตรมาส 2/2559 ส่วนเป้าการมีตู้เติมเงินทั่วประเทศสิ้นปี 2559 คือจำนวน 9 หมื่นตู้ และคาดว่ามียอดเติมเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท

 “เอเจ เติมสบาย”เบียดซิงเกอร์

สำหรับน้องใหม่ตู้เติมเงินออนไลน์ “เอเจ เติมสบาย” ของค่ายพระเอกตัวจริง หรือ บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด(มหาชน) หรือเอเจดี ที่กระโดดเข้ามาในตลาดในเดือนตุลาคม 2558 ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด

“ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนดิ้งฯ อธิบายกลยุทธ์การทำธุรกิจของบริษัทว่ามี 2เรื่อง คือ 1. ใช้ แจ๊ส ชวนชื่น นักแสดงและตลกชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์ ทำการตลาดด้วยการเดินสายทั่วประเทศแบบกองคาราวาน นอกจากนี้ใช้ช่องทางเฟซบุ๊ก สื่อสารกับลูกค้า ซึ่งเอเจมีสมาชิก 3 แสนราย และ 2. ให้ส่วนแบ่งเจ้าของตู้ 10 % ของยอดเติมเงิน ขณะที่รายอื่นให้ 3.5 %

แผนต่อไปของตู้เติมเงิน “เอเจ เติมสบาย” คือ การก้าวสู่การเป็นเอเย่นธนาคารพาณิชย์ ด้วยบริการโอนเงินออนไลน์ ประเดิมเจ้าแรกกับธนาคารกรุงไทย คาดว่าจะได้เห็นเดือนมกราคม 2560 จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จะเป็นเอเย่นให้กับธนาคารกสิกรไทย

ชูเกียรติ บอกว่า กลยุทธ์การทำธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ของเอเจ จะเป็นแบบ “ป่าล้อมเมือง” คือ เริ่มจากต่างจังหวัดระดับหมู่บ้าน จนกระทั่งปัจจุบันได้ทะยอยเปิดในร้านซีพีเฟรชมาร์ทแล้ว 323 สาขาทั่วประเทศ จากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่มีจำนวน 100 สาขา นอกจากนี้จะติดตั้งหน้าร้านสะดวกซื้อเทสโก้โลตัส เอ็กซ์เพรส และร้านแฟมิลี่มาร์ท
ตู้เติมเงิน “เอเจ เติมสบาย” ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์อันดับ 3 จากจำนวน 3.7 หมื่นตู้ทั่วประเทศ เทียบเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ(เริ่มต.ค.)มีเพียง 2,600 ตู้ อย่างไรก็ตามเมื่อนับจำนวนตู้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง และสิ้นไตรมาส 1ปี 2560 คาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 2 หรือแซงซิงเกอร์ ถึงตอนนั้นจะทำให้มีจำนวนตู้เติมเงินเกิน 4.5หมื่นตู้

โอกาสของตลาดตู้เติมเงินในประเทศไทย ปัจจุบันมีซิมเบอร์โทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ประมาณ 71 ล้านราย มีมูลค่าการเติมเงิน 1.3 แสนล้านบาท ชูเกียรติ ซึ่งเป็นอดีตแบงเกอร์ คาดว่าต่อไปการเติมเงินผ่านตู้เอทีเอ็มจะลดลงต่อเนื่องหลังมีพร้อมเพย์ ซึ่งจะทำให้ธนาคารพาณิชย์สูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นตู้เอทีเอ็มจะถูกถอนจำนวนมากเพื่อลดต้นทุน อานิสสงส์ก็จะตกอยู่ที่ตลาดตู้เติมเงินออนไลน์ที่จะใหญ่ขึ้น และในอนาคตตู้เติมเงินออนไลน์หนึ่งตู้จะมีบริการพร้อมสรรพ

“เอเจ เติมสบาย ไม่ได้มองแค่เรื่องเติมเงินอย่างเดียว แต่เราจะทำให้ลูกค้าทำธุรกรรมครบทุกอย่างในตู้ใบเดียว เป้าหมายของเอเจ เติมสบาย คือ 3 แสนตู้ หรือ 3 แสนจุด “ ผู้บริหารมือดีจากเอเจกล่าว

ทั้งหมด คือ ความเคลื่อนไหวและการแข่งขันที่เข้มข้นของธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ ประเด็นที่ต้องติดตามคือ เจ้าตู้สี่เหลี่ยมที่มีสีสรรนี้ จะมาแทนตู้เอทีเอ็มได้จริงหรือไม่

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,215 วันที่ 4 - 7 ธันวาคม 2559