Play
โรลส์-รอยซ์เปิดกลยุทธ์ปี60 เจาะลูกค้าใหม่
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ชูกลยุทธ์สินค้า –บริการ –การตลาด หวังเจาะกลุ่มลูกค้าอายุน้อยลง พร้อมกระตุ้นตลาดส่งท้ายปีด้วยการนำรุ่น "แฟน ธอม ดรอปเฮด คูเป้"คันสุดท้ายของไลน์การผลิตมาเปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป
นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้แทนจำหน่ายโรลส์-รอยซ์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เปิดตัวบริษัทฯในปี 2555 จวบจนปัจจุบัน บริษัทมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง และเป็นประเทศที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผลงานดี
"ไทยเป็นหนึ่งในตลาดเพียงไม่กี่แห่งในภูมิภาคที่มีโชว์รูม 2 แห่งได้แก่ พระราม 3 ,สยามพารากอน และในกุมภาพันธ์ ปี 2560 จะเปิดที่ภูเก็ต โดยโชว์รูมใหม่จะมีรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น "
นายสุนทรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของโรลส์-รอยซ์ในไทย และสานต่อแนวคิดของบริษัทฯแม่ที่อังกฤษ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้ดูทันสมัย เท่ และ หรูหรา ดังนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ทั้งในแง่ของรถรุ่นใหม่ที่จะมีความพิเศษ เฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิ รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ซึ่งจะทำให้อายุของลูกค้าน้อยลง
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงแล้ว ในแง่การตลาด จะเน้นสร้างความประทับใจเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำครั้งที่สอง , การพัฒนาแผนกมือสองหรือProvenance ที่จะเอื้อต่อการเป็นเจ้าของรถง่ายขึ้น และการทำกิจกรรม Rolls-Royce Urban Driving Experience เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยได้เริ่มที่พัทยา จ.ชลบุรีเป็นแห่งแรก หลังจากนั้นจะกระจายไปยังจังหวัดต่างๆอาทิ อุดรธานี หรือ อุบลราชธานี ,เชียงใหม่ หรือ พิษณุโลก
"กลยุทธ์ใหม่จะเป็นแบบโมเดิร์น ลูกค้าจะวัยรุ่นมากขึ้นกว่าเดิม โดยปัจจุบันอายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ 35 – 55 ปี ในส่วนของการตลาดอื่นๆก็จะมีการสนับสนุนลูกค้า ที่ต้องการเทรดอิน มีการช่วยเหลือด้านไฟแนนซ์ หรือ ยืดระยะเวลาการบริการหลังการขาย หรือลดค่าอะไหล่ อีกทั้งการดูแล สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ เพื่อให้แบรนด์อยู่ในใจผู้บริโภค และมีการอบรมพนักงานเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ เพราะลูกค้าที่จะซื้อรถส่วนใหญ่ จะใช้เวลาประมาณ 6 – 18 เดือน ดังนั้นพนักงานจะต้องมีการติดตามดูแลที่ดี"
นายสุนทรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2559 ได้เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม ที่ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีไฮไลต์คือ การนำรถในรุ่น แฟน ธอม ดรอปเฮด คูเป้ Phantom Drophead Coupé มาร่วมโชว์ โดยถือเป็นคันสุดท้ายของสายการผลิตที่โรงงาน ณ เมืองกู๊ดวู้ด ประเทศอังกฤษ นอกจากนั้นแล้วยังมีรถรุ่น แฟนธอม โกสท์เรธ และ ดอร์น ที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเมื่อจองและส่งมอบภายในงานจะได้เยี่ยมชมโรงงานและสายการผลิตรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ที่เมืองกู๊ดวูด ประเทศอังกฤษ
"แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 7 คันสุดท้ายของไลน์การผลิต และหลังจากนี้จะเป็นเจเนอเรชันที่ 8 ซึ่งอีก 2 ปีถึงจะมีการเปิดตัว ซึ่งบริษัทฯยังไม่ได้มีการเปิดเผยราคาจำหน่าย "
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,213 วันที่ 27 - 30 พฤศจิกายน 2559
นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้แทนจำหน่ายโรลส์-รอยซ์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เปิดตัวบริษัทฯในปี 2555 จวบจนปัจจุบัน บริษัทมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง และเป็นประเทศที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผลงานดี
"ไทยเป็นหนึ่งในตลาดเพียงไม่กี่แห่งในภูมิภาคที่มีโชว์รูม 2 แห่งได้แก่ พระราม 3 ,สยามพารากอน และในกุมภาพันธ์ ปี 2560 จะเปิดที่ภูเก็ต โดยโชว์รูมใหม่จะมีรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น "
นายสุนทรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของโรลส์-รอยซ์ในไทย และสานต่อแนวคิดของบริษัทฯแม่ที่อังกฤษ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้ดูทันสมัย เท่ และ หรูหรา ดังนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ทั้งในแง่ของรถรุ่นใหม่ที่จะมีความพิเศษ เฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิ รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ซึ่งจะทำให้อายุของลูกค้าน้อยลง
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงแล้ว ในแง่การตลาด จะเน้นสร้างความประทับใจเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำครั้งที่สอง , การพัฒนาแผนกมือสองหรือProvenance ที่จะเอื้อต่อการเป็นเจ้าของรถง่ายขึ้น และการทำกิจกรรม Rolls-Royce Urban Driving Experience เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยได้เริ่มที่พัทยา จ.ชลบุรีเป็นแห่งแรก หลังจากนั้นจะกระจายไปยังจังหวัดต่างๆอาทิ อุดรธานี หรือ อุบลราชธานี ,เชียงใหม่ หรือ พิษณุโลก
"กลยุทธ์ใหม่จะเป็นแบบโมเดิร์น ลูกค้าจะวัยรุ่นมากขึ้นกว่าเดิม โดยปัจจุบันอายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ 35 – 55 ปี ในส่วนของการตลาดอื่นๆก็จะมีการสนับสนุนลูกค้า ที่ต้องการเทรดอิน มีการช่วยเหลือด้านไฟแนนซ์ หรือ ยืดระยะเวลาการบริการหลังการขาย หรือลดค่าอะไหล่ อีกทั้งการดูแล สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ เพื่อให้แบรนด์อยู่ในใจผู้บริโภค และมีการอบรมพนักงานเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ เพราะลูกค้าที่จะซื้อรถส่วนใหญ่ จะใช้เวลาประมาณ 6 – 18 เดือน ดังนั้นพนักงานจะต้องมีการติดตามดูแลที่ดี"
นายสุนทรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2559 ได้เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม ที่ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีไฮไลต์คือ การนำรถในรุ่น แฟน ธอม ดรอปเฮด คูเป้ Phantom Drophead Coupé มาร่วมโชว์ โดยถือเป็นคันสุดท้ายของสายการผลิตที่โรงงาน ณ เมืองกู๊ดวู้ด ประเทศอังกฤษ นอกจากนั้นแล้วยังมีรถรุ่น แฟนธอม โกสท์เรธ และ ดอร์น ที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเมื่อจองและส่งมอบภายในงานจะได้เยี่ยมชมโรงงานและสายการผลิตรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ที่เมืองกู๊ดวูด ประเทศอังกฤษ
"แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 7 คันสุดท้ายของไลน์การผลิต และหลังจากนี้จะเป็นเจเนอเรชันที่ 8 ซึ่งอีก 2 ปีถึงจะมีการเปิดตัว ซึ่งบริษัทฯยังไม่ได้มีการเปิดเผยราคาจำหน่าย "
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,213 วันที่ 27 - 30 พฤศจิกายน 2559