เปิดเบื้องลึกซื้อหุ้นจัสมินฯ กุนซือ‘พิชญ์’สร้างบิ๊กดีลแห่งปี

19 พ.ย. 2559 | 08:00 น.
เปิดเบื้องลึกความสำเร็จดีลยักษ์แห่งปี ซื้อหุ้นคืนของ “พิชญ์โพธารามิก” มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุน จนสามารถดันราคาหุ้นจัสมินพุ่งพรวดแตะ 10.20 บาท

ความสำเร็จการซื้อหุ้นคืนของนายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนลฯ (JAS) มูลค่า 4.2 หมื่นล้านบาท สร้างความฮือฮา ให้กับวงการตลาดทุน ด้วยมูลค่าการซื้อหุ้นคืนวงเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่ถือเป็นครั้งแรกและครั้งใหญ่ที่สุดของปีนี้ ที่เจ้าของกิจการประกาศกล้าซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน โดยการสนับสนุนเงินทุนทั้งหมดจากธนาคาร ไทยพาณิชย์เพียงรายเดียว

ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านายพิชญ์ ไม่ได้ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญกระบวนการคิด หรือสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับธนาคารต้นสายการให้สินเชื่อ และแน่นอนที่สุด หากแนวคิดของที่ปรึกษา ไม่จูนเข้าหากัน ผนวกกับความกล้าของพิชญ์ แล้ว ดีลนี้ย่อมไม่เกิดแน่นอน

หากคำนวณจากหุ้นที่พิชญ์ ถืออยู่ทั้งหมด หลังจากซื้อหุ้นคืนแล้ว 4,295.246 ล้านหุ้น คิดเป็น 72.35 % ณ ราคาหุ้นที่ขึ้นไปแตะสูงสุด 10.20 บาท (10 พ.ย.59) ทำให้พิชญ์ รวยขึ้นไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

การซื้อหุ้นคืนของนายพิชญ์ครั้งนี้ มีกำไรจากส่วนต่าง 2.95 บาท ของราคาที่ซื้อคืน 7.25 บาท ยังไม่นับรวมจากเงินปันผลที่ได้รับอีก 2 ครั้ง

บุคคลที่มีส่วนสำคัญผลักดันให้ความกล้า ของพิชญ์ กลายเป็นความมั่งคั่งในพริบตา เพราะพิชญ์ มีคนร่วมคิดที่ชื่อ “ชาญ บูลกุล” หรือ มาชานลี ที่มีคนบอกกล่าวว่า ฝีมือขั้นเทพ ในการผ่าตัดปรับโครงสร้างหนี้ระดับมือพระกาฬ จากมูลค่าหนี้ที่ปรับนับตัวเลขแล้วไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขึ้นไปถึงระดับ 4-5 หมื่นล้านบาท ด้วยคอนเน็กชั่นของ “มาชานลี” และมุมมองการแก้ปัญหาหนี้เฉียบขาดทะลุปรุโปร่ง

 มาชานลีกุนซือ JAS

“มาชานลี “ เป็นที่ปรึกษาให้กับจัสมิน ฯ ส่งผ่านมาตั้งแต่รุ่นพ่อ “อดิศัย โพธารามิก “ หลาย ๆ ดีล ของ จัสมิน ไม่มีสักครั้ง ที่พิชญ์ ไม่เคยคิดถึง “มาชานลี” การซื้อหุ้นคืนของพิชญ์ ก็เช่นกัน ใครจะกล้าคิดว่า เขาจะกล้าสู้และทุ่มเงินขนาดนี้ซื้อหุ้นคืน แม้กระทั่ง “มาชานลี” ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

มาชานลี เล่าว่า การทำดีลซื้อหุ้นคืนนี้ ใช้เวลาเพียงเดือนเศษเท่านั้น ตั้งแต่ที่ เจ้าของหรือ พิชญ์ หารือต้องการถือหุ้นให้ได้จำนวนหนึ่ง ที่พอจะควบคุมการบริหารได้ ซึ่งการคิดเช่นนี้ แน่นอนว่า เจ้าของต้องกลัวกิจการถูกเทกโอเวอร์ จึงต้องรวบหุ้นไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียว

เมื่อเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจบรอดแบรนด์ ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจำนวนแสนราย แล้ว แผนการรวบหุ้น จึงเกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นแรกที่ พิชญ์ ถือหุ้น 25.84 % และจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บในกระดานและการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ ( JAS- W 3 ) เข้าข่ายที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป (เทนเดอร์ออฟเฟอร์ )

 วิ่งขอสินเชื่อไทยพาณิชย์

เมื่อ “ชาญ” คิด “พิชญ์” กล้าทำ แล้ว ขั้นต่อไป การวิ่งเข้าไปเจรจากับธนาคาร เงินจำนวนไม่น้อย ธนาคารที่ปล่อยกู้ต้องมีความคุ้นเคย ระดับหนึ่ง จึงเป็นพุ่งเป้าไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้ปล่อยสินเชื่อการทำธุรกิจให้กับจัสมิน 6,000 ล้านบาท ประกอบกับการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด มีการเปิดเผยข้อมูลโปร่งใส เป็นเหตุผลหนึ่งทำให้การกู้ครั้งนี้ไม่ยากนัก

ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้สินเชื่อธนาคารไทยพาณิชย์ประมูลใบอนุญาต 4จี เนื่องจากยังไม่เคยใช้สินเชื่อธนาคารนี้ แต่การไปขอสินเชื่อธนาคารกรุงเทพ เพราะเป็นธนาคารที่ใช้บริการมานาน แต่สินเชื่อ 4จีเป็นวงเงินที่สูง ธนาคารต้องการให้นายพิชญ์คํ้าประกันส่วนตัว

[caption id="attachment_114099" align="aligncenter" width="503"] เปิดเบื้องลึกซื้อหุ้นจัสมินฯ กุนซือ‘พิชญ์’สร้างบิ๊กดีลแห่งปี เปิดเบื้องลึกซื้อหุ้นจัสมินฯ กุนซือ‘พิชญ์’สร้างบิ๊กดีลแห่งปี[/caption]

 ปันผลคืนหนี้

แต่เหตุผลสำคัญที่ธนาคารพาณิชย์ กล้าปล่อยกู้ 4.2 หมื่นล้านบาท นี้ผู้ปล่อยต้องมั่นใจว่า พิชญ์ สามารถคืนเงินกู้ได้ นั่นก็เพราะเขาถือหุ้นจำนวนมากพอ 60-70 % หลังจากซื้อหุ้นคืนแล้ว ผลประกอบการดี มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอนี้ เมื่อพิชญ์ถือหุ้นใหญ่ เงินปันผลที่ได้ย่อมมากขึ้น ก็นำปันผลมาทยอยจ่ายเงินกู้ได้ หรืออนาคต หากพิชญ์ ต้องการยกขายหุ้นให้ใคร ก็ซื้อง่าย-ขายคล่อง

หลังจบจากตั้งโต๊ะซื้อหุ้นคืนแล้ว หุ้นที่รับซื้อจากรายย่อยทั้งหมด 324.9 ล้านหุ้น หรือ 5.47% ไม่สามารถขายออกได้ภายใน 1 ปี นับจากวันซื้อ แต่ถ้าพิชญ์ เงินเหลือก็ซื้อในตลาดได้ โดยต้องถือหุ้นอย่างน้อย 1 ปี และด้วยราคาหุ้นที่สวิงผันผวนนี้ ทำให้ยากต่อการคำนวณมูลค่าแท้จริงของกำไรที่ได้รับ แต่อนาคต เมื่อธุรกิจดี จะเป็นตัววัดมุลค่าความรวยของเขา

 ไม่คิดลดทุน

มาชานลี กล่าวอีกว่า จัสมิน ไม่จำเป็นต้องลดทุน เพราะการลดทุนต้องดูว่ามีความเหมาะสมหรือไม่กับธุรกิจ หรือมีความต้องการใช้เงินหรือไม่ หากบริษัทมีเงินเหลือ การซื้อหุ้นคืนน่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการฝากเงินธนาคาร ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน

ก่อนหน้านี้บริษัท JAS ตั้งโต๊ะซื้อหุ้นคืน ในราคา 5 บาท จำนวน 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.82 % ครบกำหนด 1 ปี ที่บริษัทจะขายหุ้นคืนออกมาในตลาดหลักทรัพย์ ได้ตั้งแต่วันที่ 14 - 16 ธันวาคม 2559 ต้องจับตาดูอีกครั้งว่า “พิชญ์ “ จะเข้ามาเก็บหุ้นส่วนนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่ หากทำเช่นนี้ เขาก็ได้หุ้นเพิ่ม บริษัทก็ได้กำไรจากการขายหุ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,210 วันที่ 17 - 19 พฤศจิกายน 2559