นางประภาศรี สุฉันทบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนประจำปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) นับว่าดีเกินความคาดหมาย ทำรายได้รวมกว่า 120.73 ล้านบาท คิดอัตราการเติบโตเป็น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้ 115.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท เติบโต 920% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 1.98 ล้านบาท
เนื่องจากการบริหารงานที่เน้นการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ (Cost Control) และมีบันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเป็นรายได้ภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจากการที่ HH สามารถใช้ผลขาดทุนสุทธิทางภาษีจากการ ปิดบริษัทย่อยเท่ากับ 8.19 ล้านบาท
สำหรับรายได้ไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2568 จำแนกตามประเภทลูกค้า คือ
บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนภายใต้ 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล โรงพยาบาลรวมแพทย์ยโสธร และโรงพยาบาลนายแพทย์หาญ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีความสามารถและความโดดเด่นในการรักษาโรคซับซ้อน ด้วยความพร้อมของทีมแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ อาทิ
นางประภาศรี กล่าวต่อว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของบริษัทฯ จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็นประมาณ 28% ของหุ้นทั้งหมด จำนวน 560 ล้านหุ้น ในไตรมาส 3 นี้ โดยเตรียมจัดพิธีลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ (IPO) ในวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 นี้
"บริษัทฯ จะนำเงินจากการระดมทุนมาขยายกิจการโรงพยาบาล มุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล และโรงพยาบาลนายแพทย์หาญ จังหวัดยโสธร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ ทางการแพทย์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของกลุ่มผู้รับบริการ"
ทั้งนี้มีการประเมินอุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดยโสธร ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามจำนวนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเติบโตราว 4% ต่อปี เป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของผู้สูงอายุของทั้งประเทศไทยที่เติบโตราว 4.4% ต่อปี ซึ่งปัจจุบันเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ไปแล้ว โดยวัดจากเกณฑ์ประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็น 10% ของประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน
ในปี 66 จังหวัดมุกดาหารมีสัดส่วนผู้สูงอายุอยู่ที่ 16.6% จังหวัดยโสธรอยู่ที่ 19.1% ส่วนทั้งประเทศไทยอยู่ที่ 19.9% ตามลำดับ โดยกลุ่มดังกล่าวมักมีความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายที่เสื่อมลง
ไม่ว่าจะเป็น ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด และระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น สะท้อนการใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสุขภาพภายในประเทศที่เติบโตกว่า 5% ต่อปี