หุ้นไทยวันนี้ ผันผวน กรอบ 1,140 - 1,180 จุด รับแรงกดดัน ทรัมป์เก็บภาษีอินโดฯ ต่ำ
หุ้นไทยวันนี้ คาดยังแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,140 - 1,180 จุด ประเด็นภาษีทรัมป์ล่าสุดให้อินโดนีเซียที่เพียง 19% ต่ำกว่าไทยและเวียดนาม เป็นจิตวิทยาลบเพิ่มเติม เงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มสะท้อนการส่งผ่านต้นทุนภาษี FED จะจับตามากขึ้น
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) วิเคราะห์หุ้นไทยวันนี้ (16 ก.ค.68) ว่า ที่ วานนี้สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน นำโดย US CPI +0.3% จากเดือนก่อน , +2.7% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยเร่งขึ้นจาก +0.1% จากเดือนก่อน, +2.4% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ก็ ใกล้เคียงคาดที่ +0.3% จากเดือนก่อน, +2.6% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ส่วนด้าน US Core CPI ที่ +0.2% จากเดือนก่อน, +2.9% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เร่งขึ้นจาก +0.1% จากเดือนก่อน, +2.8% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ก็ใกล้เคียง คาดที่ +0.3% จากเดือนก่อน, +2.9% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ทางฝั่งของราคาพลังงานและอาหาร ไม่ได้กดดันมาก แต่เริ่มเห็นการส่งผ่านต้นทุนในฝั่งสินค้าบางหมวดที่ เชื่อมโยงกับประเด็นภาษีทรัมป์ เช่น เสื้อผ้า (+0.4% จากเดือนก่อน) และ เครื่องใช้ ภายในบ้าน (+1.0% จากเดือนก่อน) อย่างไรก็ดี ในหมวดยานยนต์ยังช่วงถ่วงเอาไว้ โดยราคารถใหม่ -0.3% จากเดือนก่อน และรถมือสอง -0.7% จากเดือนก่อน
จากตัวเลขดังกล่าว ซึ่งเริ่มพบการส่งผ่านของต้นทุนภาษีไปสู่ผู้บริโภค แต่ยัง ไม่มากนัก ดังนั้น อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังพยายามเฝ้ารอดูเงินเฟ้อในช่วง ก.ค. และ ส.ค. เพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด ส่วนโอกาสความน่าจะเป็นในการปรับลด ดอกเบี้ย FED ล่าสุดพบว่า ตลาดให้น้ำหนักการลดดอกเบี้ย US ในเดือน ก.ย. เหลือเพียง 54% ถือเป็นปัจจัยที่กระทบสินทรัพย์เสียงระยะสั้น
ความคืบหน้าการเจรจาการค้าล่าสุด พบว่า สหรัฐฯประกาศภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซียเพียง 19% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศเวียดนาม และไทย ดังนั้น อาจเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อไทย จึงแนะเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่ต้องจับตา
16 ก.ค.
- เงินเฟ้อ PPI ของสหรัฐฯ
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
- สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
17 ก.ค.
- ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
- ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ
- เงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน
หุ้นเด่นแนะนำ
CENTEL ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท
- คาดปีนี้แนวโน้มกำไรฟื้นตัว จากการกลับมาเปิดโรงแรมที่พัทยาและภูเก็ต หลังรีโนเวทไปในช่วงที่ผ่านมา ผสานกับคาดรายได้โรงแรมที่ญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น เด่นในช่วงไตรมาส 2/68
- กระแสตอบรับมาตรการเที่ยวไทยคนละครึ่งดี คาดกระตุ้นการท่องเที่ยวใน ประเทศในช่วงไตรมาส 3/68 พื้นตัว
- ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง EV/EBITDA 9.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 12 เท่า