ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มีมูลค่าคงค้าง 17.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 93% ของ GDP เพิ่มขึ้น 1.1% จากสิ้นปี 2567 จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นสำคัญ ขณะที่มูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อน
ส่วนการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มูลค่า 398,820 ล้านบาท ลดลง 19.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการออกตราสารหนี้ 4.9 แสนล้านบาทหรือลดลงเกือบ 1 แสนล้านบาท เป็นการลดลงของทั้งกลุ่ม Investment Grade และกลุ่ม High Yield
“ผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กังวลถึงความสามารถการทำกำไรของบริษัทที่ออกหุ้นกู้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีหุ้นกู้ขอยืดหนี้มากขึ้น หรือบางรายผิดนัดชำระหนี้ (Default) ทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน ต้องเลือกบริษัทที่มีความเชื่อมั่น หลีกเลี่ยงไม่ลงทุนในบริษัทที่อาจมีความเสี่ยง”
ดังนั้น ThaiBMA คาดว่า หุ้นกู้เอกชนออกใหม่ปี 68 จะลดเหลือ 8 แสนล้านบาทจากเดิมที่คาดว่าจะมีมูลค่า 8.5-9 แสนล้านบาท เนื่องจากสภาพปัจจุบันมีจังหวะดอกเบี้ยผันผวน ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เรทติ้ง AAA หันไปใช้สินเชื่อธนาคารแทน
โดยช่วงครึ่งปีแรกหุ้นกู้เรทติ้ง AAA ออกมาเสนอขาย 23,700 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ออกหุ้นกุ้ 48,900 ล้านบาท ส่วนหุ้นกู้เรทติ้ง AA ก็ลดลงมาที่ 35,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 111,060 ล้านบาท โดยบริษัทขาดใหญ่อยางไทยเบฟเวอเรจก็ไม่ออกหุ้นกู้มาในปีนี้
อย่างไรก็ดี หุ้นกู้เรทติ้ง A ยังมีการออกเพิ่มขึ้นเป็น 258,600 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 242,624 ล้านบาท และระดับ BBB ออกมา 55,397 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนในช่วงเดียวกันที่ออกมา 65,143 ล้านบาท อาทิ BTS, SIRI ออกมาทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด
ส่วนหุ้นกู้ High Yield หรือหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับก็ออกลดลงเช่นกัน ครึ่งแรกของปีนี้มีมูลค่า 15,533 ล้านบาท จากปีก่อนช่วงเดียวกัน 17,218 ล้านบาท เนื่องจากบางรายที่ขอยืดการชำระหนี้หุ้นกู้ชุดเดิม ทำให้ไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ได้
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)กล่าวว่า ในครึ่งหลังปี 68 มีหุ้นกู้ระยะยาวจะครบกำหนดรวมมูลค่า 414,810 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment Grade จำนวน 365,923 ล้านบาท และหุ้นกู้ High Yield มูลค่า 48,887 ล้านบาท แบ่งเป็น
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีแรก ปี 68 มีหุ้นกู้ผิดนัดชำระ ม.ค.-มิ.ย. 68 รวมมูลค่า 2,337 ล้านบาท จากผู้ออก 4 รายได้แก่
ส่วนหุ้นกู้ที่เลื่อนกำหนดชำระในช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย.68 มีมูลค่ารวม 17,540 ล้านบาท จากผู้ออก 14 ราย ได้แก่
“ช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์หุ้นกู้ภาคเอกชนยังน่ากังวล เนื่องจากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวนาน และยังมีประเด็นภาษีของสหรัฐที่จะเข้ามาซ้ำเติม ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ก็อาจจะกระทบถึงบริษัทขนาดใหญ่ได้ด้วย”