ต้องยอมรับว่าบรรยากาศในการลงทุนตลาดหุ้นไทยปี 2568 ดูจะไม่เป็นใจนัก จากปัจจัยทั้งด้านเศรษฐกิจและการค้าโลก ที่ยังดูมีความไม่แน่นอน ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผลกระทบจากสงครามการค้ามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐทั่วโลก การปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แบบเต็มอัตราสร้างความกังวลใจให้กับหลายอุตสาหกรรมอยู่ไม่น้อย
สะท้อนได้จากมูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทย ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 หรือ 103 วันทำการแรก มูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 4,286,303.71 ล้านบาท ลดลง 243,670.63 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง -5.37% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2567 ที่ 4,529,974.34 ล้านบาท
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดตลาดล่าสุด วันที่ 9 มิ.ย. 68 ที่ระดับ 1,135.24 จุด ลดลง 262.11 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -18.75% จากเปิดตลาดซื้อขายวันแรกของปี 2568 (วันที่ 2 ม.ค.) ที่ระดับ 1,397.35 จุด
ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 9 มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 14,057,600.00 ล้านบาท ลดลง 3,122,390.6 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง -18.17% จากเปิดตลาดซื้อขายวันแรกของปี 2568 ที่อยู่ระดับ 17,179,990.60 ล้านบาท
ด้วยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น รวมถึงความน่าสนใจในการลงทุนยังตลาดหุ้นไทยลดลง จากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ดูเปราะบางในสายตาของต่างชาติ ส่งผลทำให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ครองสถานะขายสุทธิ 5 เดือนติดต่อกัน มูลค่ารวม 73,116.01 ล้านบาท
และจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทที่แต่งตัวเตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยปี 2568 จึงดูเงียบเหงาลง บางรายที่วางแผนจะเข้าระดมทุนในปีนี้ก็อาจต้องชะลอเพื่อขอดูสถานการณ์ไปก่อน ทำให้หุ้น IPO ที่เข้าเทรดใน 5 เดือนแรกปีนี้เหลือเพียง 4 หลักทรัพย์
ประกอบด้วย บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS, บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER, บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH และบริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA
หากเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2567 ที่มีหุ้น IPO เข้าระดมทุนทั้งตลาด SET และ mai รวม 17 บริษัท ลดลงอย่างชัดเจน
จากการรวบรวมข้อมูลหุ้น IPO น้องใหม่ที่เข้ามาระดมทุนในตลาหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดเอ็มเอไอ (mai) พบว่า มีเพียง PIS ที่ราคาหุ้นนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าซื้อขาย (First trading day) จนถึงปัจจุบันยังคงเป็นบวกอย่างต่อเนื่องถึง 13.88% หรือ 0.50 บาท ในขณะที่ MOTHER, LTMH และ BKA ราคาหุ้นปรับตัวลดลง -25.46%, -6.0% และ 11.11% ตามลำดับ
บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA
First trading day : 22 เม.ย.68
ราคา IPO : 1.80 บาท
ราคาปัจจุบัน : 1.60 บาท
ราคาหุ้น BKA จากราคาจองซื้อจนถึงวันที่ 9 มิ.ย. 68 ลดลง 0.20 บาท หรือมีการเปลี่ยนแปลง -11.11%
บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH
First trading day : 2 เม.ย.68
ราคา IPO : 5.00 บาท
ราคาปัจจุบัน : 4.70 บาท
ราคาหุ้น LTMH จากราคาจองซื้อจนถึงวันที่ 9 มิ.ย. 68 ลดลง 0.30 บาท หรือมีการเปลี่ยนแปลง -6.0%
บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER
First trading day : 11 ก.พ.68
ราคา IPO : 1.61 บาท
ราคาปัจจุบัน : 1.20 บาท
ราคาหุ้น MOTHER จากราคาจองซื้อจนถึงวันที่ 9 มิ.ย. 68 ลดลง 0.41 บาท หรือมีการเปลี่ยนแปลง -25.46%
บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS
First trading day : 20 ม.ค. 68
ราคา IPO : 3.60 บาท
ราคาปัจจุบัน : 4.10 บาท
ราคาหุ้น PIS จากราคาจองซื้อจนถึงวันที่ 9 มิ.ย. 68 เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือมีการเปลี่ยนแปลง 13.88%
ทั้งนี้ ยังมีหุ้นน้องใหม่ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนในตลาด SET จำนวน 10 บริษัท แบ่งออกเป็น ได้รับอนุญาตแบบคำขอให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่แล้ว (Approved) จำนวน 5 บริษัท และยื่นแบบ filing ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว (Submitted) จำนวน 5 บริษัท
ส่วนหุ้นน้องใหม่ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนยังตลาด mai ยังมีอีกจำนวน 14 บริษัท แบ่งเป็น แบบ Filing ของบริษัทมีผลบังคับใช้ (Effective) จำนวน 1 บริษัท คือ NUT ที่ราคา ณญฯ 6.80 บาท/หุ้น, Approved แล้วจำนวน 8 บริษัท และ Submitted จำนวน 5 บริษัท
บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO
บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT
บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS
บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC
บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS
บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด (มหาชน) หรือ PTF
บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO
บริษัท อุตสาหกรรมไทยบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPAK
บริษัท ยูนิคพลาสติก อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ UNIX
บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TNCC
บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT
บริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BLUE
บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SKIN
บริษัท สมาร์ททีทีซี จำกัด (มหาชน) หรือ STTC
บริษัท สกิลเลน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKILL
บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN
บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM
บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH
บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG
บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH
บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NTFG
บริษัท จีพี โมบิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GP
บริษัท ไลท์ซอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LSG
บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEBP
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีหุ้นที่รอต่อคิวเข้ามาสร้างสีสันให้กับตลาดหุ้นไทยอยู่อีกกว่า 24 บริษัท ซึ่งก็คาดหวังว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ไม่มากก็น้อย