CPF ทุ่ม 3.6 หมื่นล้าน ซื้อหุ้น CPP จาก ITOCHU ดันกำไรเพิ่ม

22 เม.ย. 2568 | 00:30 น.
อัปเดตล่าสุด :22 เม.ย. 2568 | 00:34 น.

CPF  ทุ่ม 3.6 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้น CPP 23.8% จาก ITOCHU ทำให้สัดส่วนถือครองเพิ่มเป็น 100% ช่วยเพิ่มกำไรสุทธิ และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น พร้อมเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการและการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์

นางกอบบุญ ศรีชัย เลขานุการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “CPF” เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 มีมติอนุมัติให้ CPF Investment Limited' ซึ่งบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้น 100% เข้าซื้อเงินลงทุนใน C.P. Pokphand Co., Ltd.” หรือ “CPP" จำนวน 6,017,959,308 หุ้น คิดเป็น 23.8% ของจำนวนหุ้น ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ CPP) ในมูลค่ารวม 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,300 ล้านบาท จาก ITOCHU Corporation

การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม CPF ใน CPP เพิ่มขึ้นจาก 76.2% เป็น 100% ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนของ CPF เพิ่มขึ้น จากสัดส่วนการลงทุนใน CPP ที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) ที่ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การเป็นผู้ถือหุ้นแต่เพียงรายเดียว จะช่วยให้ CPF มีความคล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการ และสามารถ ดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การกำหนดมูลค่าเงินลงทุนที่เข้าซื้อได้อ้างอิงจากมูลค่าซึ่งประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินของ CPF ด้วยวิธี ต่าง ๆ ตามหลักมาตรฐานสากล ประกอบด้วย วิธีการคิตลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) รวมถึงวิธีเปรียบเทียบ อัตราส่วนราคาตลาดกับกิจการในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Market Comparable Approach)

เช่น วิธีอัตราส่วนมูลค่ากิจการต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EV/EBITDA) วิธีอัตราส่วนราคา ตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) เป็นต้น

การลงทุนข้างต้นมีขนาดรายการเท่ากับ 8.3% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของ CPF และบริษัทย่อย ซึ่ง ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ของบริษัทจดทะเบียน

สำหรับ CPP เป็นบริษัทโฮลดิ้งเพื่อการลงทุนที่จดทะเบียนในเบอร์มิวดา CPP และบริษัทย่อย ("กลุ่มบริษัท") เป็นกลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารชั้นนำในประเทศจีนและเวียดนาม ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์ การเลี้ยง และการจำหน่ายสัตว์ ไปจนถึงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยดำเนินธุรกิจในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2522 และในเวียดนามตั้งแต่ปี 2536