กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA ได้ยื่นหนังสือถึงธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCB ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A, EA269A และ EA289A และ ธนาคาร เกียรตินาคินภัทร จำกัด(มหาชน) หรือ KKP ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA248A, EA257A, EA259A, EA261A, EA279A, EA281A, EA297A, EA298A,EA299A, EA301A, EA329A และ EA331A
เพื่อขอให้พิจารณาข้อเสนอและทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้ EA ว่าถูกต้องตามข้อกำหนดสิทธิหรือไม่ และเรียกร้องให้ SCB และ KKP ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ EA ทุกรุ่นอย่างเต็มที่
เนื่องจาก EA เข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้มีมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท กับ บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส จำกัด ธนาคารและสถาบันการเงินและปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินรุ่น EA284723A มูลค่า 400 ล้านบาท และ EA24801A มูลค่า 300 ล้านบาท ไปแล้วทั้งที่ยังไม่ครบกำหนดชำระในวันที่ 9 ส.ค.67
การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว EA ยังเสนอให้หลักประกันสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากภาครัฐ และเสนอเพิ่มดอกเบี้ยจากเดิมให้เป็นไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี รวมทั้งยินยอมที่จะทยอยชำระคืนหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นงวดรายเดือนภายในกำหนดระยะเวลา 36 เดือน การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นหรือไม่
"การที่ EA เข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับแอสเซท พลัส ธนาคาร สถาบันการเงินอื่น อีกทั้งจะเรียกประชุมเพื่อเสนอหลักประกันให้กับผู้ถือหุ้นกู้เฉพาะ 248A และ 249A เป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิหรือไม่ ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม เป็นการริดรอนสิทธิผู้ถือหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ที่ยังไม่ครบกำหนดหรือไม่"
ดังนั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้จึงเรียกร้องให้ SCB และ KKP เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นภายในวันที่ 30 ส.ค.67 เพื่อรับทราบรายละเอียดเงื่อนไขข้อเสนอไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้สามารถตัดสินใจปกป้องผลประโยชน์ของตนเองอย่างเป็นธรรม โดยให้ยกเลิกการประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น 249A ในวันที่ 14 ส.ค.67 นี้ออกไปก่อน
รวมถึงให้แก้ไขข้อตกลงกับบริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตั๋วเงิน โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นเป็นเจ้าหนี้ในลำดับเดียวกันคือ ลำดับที่ 1 พร้อมทั้งนำกระแสเงินสดจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่ขายให้รัฐบาลมาเฉลี่ยแบ่งจ่ายให้เจ้าหนี้หุ้นกู้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมเท่าเทียมกับเจ้าหนี้รายอื่น และขอให้ทาง EA นำหลักประกันมาเพิ่ม เพราะปัจจุบันมียอดหนี้หุ้นกู้คงค้างทุกรุ่นเป็นจำนวนมากกว่า 30,000 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังเห็นว่าข้อเสนอการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 1.80-1.89% แลกกับการขยายเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้ ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยผิดนัดเท่ากับอัตราดอกเบี้ยบวก 2% ขณะที่ EA ถูกปรับลดอันดับเครดิตจาก A- เป็น BB+ ถือเป็นหู้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง อัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมที่เสนอมาถูกต้องและเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นกู้หรือไม่
ดังนั้น ขอให้ SCB และ KKP แสดงเอกสารการเจรจายืดหนี้และปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้านี้ทุกราย และแก้ไขเงื่อนไขที่จะเสนอให้ผู้ถือหุ้นกู้พิจารณาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการเพิ่มหลักประกัน การทยอยคืนเงินต้น และเสนออัตราดอกเบี้ยใหม่ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดสิทธิ
"โดยเฉพาะ SCB ที่สวมหมวกหลายใบในฐานะเจ้าหนี้ของ EA ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ EA ผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ EA และนายทะเบียนหุ้นกู้ EA ถือว่าเป็น Conflict of Interest หรือไม่ สามารถชี้แจงได้อย่างโปร่งใสหรือไม่ เพราะเหตุใดผู้ถือหุ้นกู้จึงไม่ได้สิทธิในหลักประกันหนี้ในลำดับที่เท่าเทียมกับเจ้าหนี้ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ ท่านได้เจรจาต่อรองอย่างเต็มที่แล้วหรือไม่"