ECF เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้"ชุด ECF246A" 30 เม.ย.นี้ โหวตเลื่อนจ่ายไป 1 ปี
ECF เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ "ชุด ECF246A" โหวตขยายครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ECF246A มูลหนี้เงินต้น 409.50 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปี พร้อมปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มให้ 0.25% เป็น 7.40% ต่อปี โดยประชุมออนไลน์ 30 เม.ย.67
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2567 บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ ("บริษัท") ได้ส่งหนังสือถึงผู้ถือหุ้นกู้ชุด ECF246A ระบุว่า บริษัทฯ มีความประสงค์ที่จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน" (ECF246A) ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 15.30 น. ด้วยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบวาระการประชุมดังนี้
วาระที่ 1 : พิจารณาอนุมัติให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ECF246A ออกไปอีก 1 ปี โดยแก้ไขวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ จากเดิม วันที่ 9 มิถุนายน 2567 เป็น วันที่ 9 มิถุนายน 2568 และพิจารณาอนุมัติการแบ่งชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้บางส่วน โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วยลง จำนวนรวมร้อยละ 5 ของมูลค่าหุ้นกู้ ณ วันออกหุ้นกู้ คิดเป็นเงินต้นหุ้นกู้ที่ชำระคืนจำนวน 20,475,000 บาท โดยกำหนดชำระในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้เดิม และเงินต้นหุ้นกู้ส่วนที่เหลือจะชำระคืนในวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ได้ขอขยายออกไป รวมทั้งพิจารณาอนุมัติให้แก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ใบหุ้นกู้ ชื่อหุ้นกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
วาระที่ 2 พิจารณาอนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ จากเดิม ร้อยละ 7.15 ต่อปี เป็น ร้อยละ 7.40 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2567 จนถึง (แต่ไม่นับรวม) วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ในช่วงเวลาที่ขอขยายอายุหุ้นกู้ออกไป รวมทั้งพิจารณาอนุมัติให้แก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ใบหุ้นกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้
วาระที่ 3 พิจารณาเรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)
อนึ่งข้อมูลตามเว็บไซต์สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ( Thai BMA ) พบว่าปัจจุบัน บริษัทอีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF มีหุ้นกู้คงค้างทั้งสิ้น 8 ชุด เงินต้นคงค้างรวม 1,206.50 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
