SYNTEC มั่นใจธุรกิจรับเหมาปี67 ฟื้น ลุยชิงงานหมื่นล้านเติมพอร์ต

26 มี.ค. 2567 | 05:32 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2567 | 05:47 น.

SYNTEC มั่นใจธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปี 67 ฟื้น เดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ครึ่งแรกปีนี้ มูลค่ารวมกว่า 1.01 หมื่นล้าน คาดไตรมาส 2/67 ได้ข้อสรุป ตุนแบ็กล็อกหนา 1.3 หมื่นล้าน คาดรับรู้รายได้เข้าปีนี้กว่า 50% หนุนรายได้โตเข้าเป้า 5%

นายสมชาย ศิริเลิศพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2567 มองว่าจะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมของภาคเอกชนที่มีการขยายตัวอย่างชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปีนี้จะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ จากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มามากขึ้น

และแม้ว่างบประมาณปี 2567 ของภาครัฐจะยังคงมีความล่าช้าออกไปมาก อาจมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างในปีนี้ แต่บริษัทมองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นการประมูลงานโครงการใหม่ๆ จากภาคเอกชนเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนวราบมูลค่าสูง คอนโดมิเนียม โรงพยาบาล และโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเติบโตของการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้การลงทุนยังเดินหน้าต่อไป

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทได้เข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ จำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 10,130 ล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล คอนโดมิเนียมไฮเอ็น จำนวน 11 โครงการ ก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล จำนวน 5 โครงการ และงานฐานราก และงานเสาเข็ม จำนวน 2 โครงการ

เบื้องต้นคาดว่าจะได้เห็นข้อสรุปที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี ทั้งปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะหางานโครงการใหม่เข้ามาเติมพอร์ตเพิ่ม มูลค่ารวมเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 8,000-9,000 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอการทยอยส่งมอบ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 12,994 ล้านบาท ถือเป้นสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะถึงกำหนดแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบ และรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของมูลค่างานที่มีในมือทั้งหมด โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 5% จากปีก่อนที่ทำได้ 7,431.43 ล้านบาท

ขณะเดียวกันก็จะคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าระดับ 5-6% และ 2% ตามลำดับ

ในแง่ของต้นทุนวัสดุก่อสร้างในปี 2567 มองว่าต้นทุนหลักอย่างเหล็กและซีเมนต์จะอยู่ในระดับที่ทรงตัว และเชื่อว่าราคาจะไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนช่วงปีก่อนหน้า โดยบริษัทวางกลยุทธ์รับมือด้วยการสั่งซื้อหลังจากที่ได้รับงานมาแล้วและจ่ายเป็นเงินสด เพื่อป้องกันความเสี่ยง รวมถึงจะทำการล็อคราคาซีเมนต์ไว้ล่วงหน้าจนจบโครงการ ในส่วนราคาอิฐมวลเบามองว่าในปีนี้ราคาจะเริ่มนิ่งมากขึ้นแล้ว ซึ่งในส่วนนี้บริษัทสามารถบวกเพิ่มราคาในการดำเนินงานก่อสร้างได้

ด้านต้นทุนค่าแรง จากมาตรการปรับขึ้นค่าแรงงานใหม่ของภาครัฐ แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะมีแรงงานคนอยู่ที่ 1,900 กว่าคน และคาดว่าจะกระทบต่อต้นทุนของบริษัทเพิ่มประมาณ 8.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 0.65% ของต้นทุนทั้งหมดเท่านั้น แต่เป็นเพียงส่วนที่น้อยเท่านั้น และแม้ว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ค่าแรงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก บริษัทก็ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนในส่วนนี้ได้ดี เพราะงานในบางส่วนบริษัทได้ว่าจ้าง Subcontract เข้ามาทำแทน เพื่อลดต้นทุนลง

สำหรับธุรกิจโรงแรมมองว่าในปี 2567 จะมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับการฟื้นตังวของภาคการท่องเที่ยว และการกลับมาของชาวต่างชาติ ทำให้คาดว่าอัตราการใช้ห้องพัก (Occ.) จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ยสูงกว่า 70-80% ได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการ Tha Standard Najomtien Pattaya ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตอนนี้แล้วเสร็จไปกว่า 84.98% แล้ว ส่วนเงินลงทุนส่วนใหญ่เพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวต่อ ซึ่งแหล่งเงินทุนมีทั้งจากระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินกูสถาบัน