ดาวโจนส์ปิดร่วง 250.91 จุด หลังพาวเวลส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

19 ต.ค. 2566 | 23:44 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,414.17 จุด ลดลง 250.91 จุด หรือ -0.75%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,278.00 จุด ลดลง 36.60 จุด หรือ -0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,186.18 จุด ลดลง 128.13 จุด หรือ -0.96%          

นายพาวเวลกล่าวในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) เมื่อคืนนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัวของสหรัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก พร้อมกับกล่าวว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับสูงเกินไป และเฟดจะยังคงมุ่งมั่นต่อพันธกรณีในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน

 

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ตลาดแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องชะลอตัวลงเพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ พร้อมกับกล่าวถึงการดำเนินนโยบายของเฟดในอนาคตว่า เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คณะกรรมการเฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง โดยการตัดสินใจเกี่ยวกับขอบเขตและระยะเวลาของการเพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงินนั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับ และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป

แซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลง เนื่องจากถ้อยแถลงของนายพาวเวลได้ดับความหวังของตลาดที่ว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดใกล้จะสิ้นสุดลง การแสดงความเห็นของนายพาวเวลยังสะท้อนให้เห็นว่าภารกิจการควบคุมเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น และคาดว่าเฟดจะยังไม่เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของนายพาวเวลส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

 

หุ้นเทสลา ร่วงลง 9.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 66 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 73 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.335 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.41 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยผลประกอบการของเทสลาอ่อนแอลงหลังจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นแรงซื้อ

ส่วนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 16.05% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 3.73 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.49 ดอลลาร์ และจำนวนสมาชิกที่จ่ายค่าบริการทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8.76 ล้านราย แตะระดับ 247.15 ล้านราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.49 ล้านราย โดยผลประกอบการของเน็ตฟลิกซ์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากบริษัทใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสบัญชีบริการสตรีมมิง

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์แจ้งเตือนชาวอเมริกันทั่วโลกให้ใช้ความระมัดระวัง ในขณะที่การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ย่างเข้าสู่วันที่ 13 และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

ราคาน้ำมัน WTI บวก 1.05 ดอลล์ ปิดทะลุ 89 ดอลล์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะส่งผลให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 89.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 92.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทองคำนิวยอร์กพุ่งปิดเหนือ 1,980 ดอลล์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1,980 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.20 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,980.50 ดอลลาร์/ออนซ์