TOA กำไรไตรมาส 2/66 ทะลุ 103% ปันผลครึ่งปีแรก 0.33 บาท/หุ้น

16 ส.ค. 2566 | 04:40 น.

“TOA” เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของปี 2566 แตะ 741 ล้านบาท เติบโตทะลุ 103% ทำรายได้รวมครึ่งปีแรกสูงกว่า 11,212 ล้านบาท เติบโต 10% หลังการท่องเที่ยว ฟื้นตัว และราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "TOA" เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ TOA ในไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวม 5,508 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5% โดยได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการท่องที่ยวในประเทศ ช่วยหนุนให้ยอดขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 

รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวหัวเมืองใหญ่ สามารถเติบโตได้อย่างน่าพอใจ ทำให้รายได้รวมในงวด 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้นเป็น 11,212 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 รวมกว่า 741 ล้านบาท เติบโต 103% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุดของบริษัทตั้งแต่ก่อตั้ง 

ทำให้กำไรสุทธิสำหรับ 6 เดือนแรกสูงถึง 1,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันกว่า 77% จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัท

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "TOA

ในขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในต่างประเทศชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน อันเป็นผลพวงจากภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งการเกิดวิกฤตหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศเวียดนาม 

ทำให้ภาครัฐต้องออกกฎหมายเพื่อสกัดการเก็งกำไรราคาบ้าน ซึ่งกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาลงในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมคาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังการดำเนินธุรกิจในประเทศ ยังมีความท้าทาย จากความไม่แน่นอนทางการเมือง และการชะลอตัวลงของการเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่  

อย่างไรก็ตามยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสการเติบโตของยอดขายของบริษัท จากความต้องการใช้สี และเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง เพื่อรีโนเวท และปรับปรุงซ่อมแซมที่ยังอยู่ในระดับสูง ตลอดจนยอดขาย ทีโอเอ แผ่นยิปซัมบอร์ด ที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับต้นของประเทศ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท รวมเป็นเงิน 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 32% โดยจ่ายจากกำไรสุทธิที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20%