ดัชนี FETCO ร่วง 21% เกณฑ์ "ทรงตัว" หวังเลือกตั้ง-เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยหนุน

10 เม.ย. 2566 | 05:45 น.

ดัชนี FETCO ระยะ 3 เดือนหน้าปรับลดลง 21% จากเดือนก่อนสู่ระดับเกณฑ์ "ทรงตัว" หลังนักลงทุนกังวลวิกฤติธนาคารปิดตัวธนาคารสหรัฐและยุโรป หวังเลือกตั้ง 66 เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยหนุน

จากการสำรวจความเห็นของนักลงทุนในเดือน มี.ค.66 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.65 ปรับตัวลดลง 21% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" เนื่องจากในเดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย มีความผันผวนจากวิกฤติธนาคารจากการปิดตัวธนาคารสหรัฐและยุโรป กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ขณะที่นักลงทุนมองว่าการเลือกตั้งในประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด คือ ความกังวลต่อการไหลออกของเงินทุน รองลงมาคือแนวทางนโยบายการเงินของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และสถานการณ์ส่งออกที่ชะลอตัว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ระบุว่า ผลสำรวจในเดือนมีนาคม 2566 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า มีเพียงความเชื่อมั่นนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 21.9% อยู่ที่ระดับ 131.25 ในขณะที่กลุ่มอื่นปรับลดลง โดยนักลงทุนบุคคลปรับลด 7.9% อยู่ที่ระดับ 112.07 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด  20.0% อยู่ที่ระดับ 100.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 38.6% อยู่ที่ระดับ 75.00

ดัชนี FETCO ร่วง 21% เกณฑ์ \"ทรงตัว\" หวังเลือกตั้ง-เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยหนุน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังแนวโน้มวิกฤติธนาคารเริ่มคลี่คลาย การที่เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายโดยปรับขึ้นเพียง 0.25%  และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไทย 0.25% อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองไทยมีความชัดเจนหลังจาก กกต.ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ SET Index ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566  ปิดที่ 1,609.17 จุด ปรับตัวลดลง 0.8% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในเดือนมีนาคม 2566 กว่า 31,494 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 56,059 ล้านบาท

รายละเอียดผลสำรวจ ประกอบด้วย

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิถุนายน 2566) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ลดลง 21% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 95.65
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรง" ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา"

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)

ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเลือกตั้งในประเทศ

ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อการไหลออกของเงินทุน