เปิดโผ 20 หุ้นฮอตต่างชาติแห่ช้อป ราคายังปรับไม่มาก รับโอกาสฟื้นตัว

27 มี.ค. 2566 | 00:19 น.

บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ชี้ 2 ปัจจัย ดอกเบี้ยต่ำ-เงินบาทยังแข็งค่า หนุนดัชนี SET มีโอกาสกลับมายืน 1,600 จุด พร้อมเปิด 20 หุ้นฮอต ต่างชาติซื้อสะสมสูงสุด ราคายัง Laggard คาดจะปรับดีขึ้นช่วงถัดไป

 

ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS กล่าวว่า 2 ปัจจัยหนุนฟันด์โฟลว์ ( Fund Flow)  ต่างชาติทยอยไหลกลับเข้าหุ้นไทย คือ

1.ความได้เปรียบจากดอกเบี้ยไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่ายุโรปและสหรัฐฯ มาก หนุนตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจ โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 มี.ค. 2566 คาด กนง.มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนล่าสุดลดลงอยู่ที่ระดับ 3.79% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ถือเป็นสัญญาณที่ดีและเข้าใกล้กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มากขึ้น

เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งพัฒนาแล้ว ในเดือนนี้มีการขึ้นดอกเบี้ยทั้งสิ้นทั้ง ECB BOE FED มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.5%, 4.25%, 5% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยไทยมาก ทำให้ Market Earning Yield Gap ของไทย ดีกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งในอีกความหมายหนึ่งคือ Valuation ยังต่ำหนุนให้เม็ดเงินลงทุนมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น

 

เปิดโผ 20 หุ้นฮอตต่างชาติแห่ช้อป ราคายังปรับไม่มาก รับโอกาสฟื้นตัว

2.ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง เป็นแรงส่งให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ทำให้ต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดย Dollar Index ลดลงราว - 4% จาก 105.6 จุด สู่ 102.2 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินประเทศอื่นๆ กลับมาแข็งค่ารวมถึงไทยที่ล่าสุดอยู่ที่ 34.05 บาท/เหรียญฯ 

ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวช่วยหนุนฟันด์โฟลว์ต่างชาติทยอยไหลเข้าหุ้นไทยในระยะถัดไป คาดพยุงดันให้ดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,600 จุดได้อีกครั้ง
 
20 หุ้น ต่างชาติซื้อสุทธิมากสุดราคายัง Laggard
         
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินพบว่าหุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมมากสุดในเดือนมี.ค.66 และราคาหุ้นยัง Laggard หลังดาวน์ไซด์ของราคาเริ่มจำกัด และน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ดีในช่วงถัดไป โดย 20 อันดับแรกในช่วงระหว่างวันที่ 1-22 มี.ค. 2566) ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มการเงิน, กลุ่มรับเหมาฯ, และกลุ่มอื่น ๆ เป็นต้น คาดว่าน่าจะ Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้ โดย 20 หุ้นดังกล่าว ได้แก่

 

  • 1.บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ผลตอบแทน 18.8%
  • 2.บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) ผลตอบแทน 8.9%
  • 3. บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ผลตอบแทน 8.6%
  • 4. บมจ.ช.การช่าง (CK ) ผลตอบแทน 7.1%
  • 5. บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น ( STEC) ผลตอบแทน 4.4%
  • 6.บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ( MINT )ผลตอบแทน 3.0%
  • 7. บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ( LH )ผลตอบแทน 2.5%
  • 8. บมจ.คาราบาวกรุ๊ป ( CBG ) ผลตอบแทน 2.0%
  • 9. บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล ( PTTGC )ผลตอบแทน 1.6%
  • 10. บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา ( CENTEL ) ผลตอบแทน1.4%
  • 11.บมจ.บ้านปู (BANPU)ผลตอบแทน -0.9%
  • 12. บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ผลตอบแทน 0.0%
  • 13. บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ ( TASCO) ผลตอบแทน 1.5%
  • 14. บมจ.โอสถสภา ( OSP) ผลตอบแทน 1.6%
  • 15. บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ( BJC ) ผลตอบแทน 2.6%
  • 16. บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป ( ICHI ) ผลตอบแทน 3.2%
  • 17. บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ( BGRIM ) ผลตอบแทน 3.9%
  • 18. บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ ( BDMS ) ผลตอบแทน 4.5%
  • 19.บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ( ADVANC ) ผลตอบแทน 5.9%
  • 20. บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน ( AMATA)  ผลตอบแทน 8.4%