ปปง.ยื่นอัยการร้องศาลยึดทรัพย์สิน"อภิมุข ก๊วนหุ้น MORE" 4.4 พันล้าน

09 ก.พ. 2566 | 08:30 น.

มติที่ประชุม ปปง. ยื่นเรื่องให้อัยการส่งศาลให้มีคำสั่ง ยึดทรัพย์สิน "อภิมุข กับพวกฯ" กรณีหุ้น MORE 59 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่า 4,470 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน

 

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 66 นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการจัดการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 

มติที่ประชุม ฯได้เห็นชอบให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องคดี บมจ. มอร์ รีเทิร์น หรือ MORE  กรณีนายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวกฯ ที่มีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 59 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 4,470 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ยังได้ดำเนินการกับทรัพย์สินในคดีอื่น ๆ รวมกับคดีของกรณีของหุ้น MORE มีจำนวนทั้งสิ้น 393 รายการ 30 รายคดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 4,600 ล้านบาท พร้อมมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน 44 รายคดี รายละเอียดดังนี้

1.ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 16 รายคดี ทรัพย์สิน 220 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 106 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานยาเสพติดฉ้อโกงประชาชน และการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 2.รายคดี ห้างหุ้นส่วนจำกัด สถานีหลักสี่ กับพวก (กรณีหลอกลงทุนธุรกิจฟาร์มเห็ด) โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 19 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท

อนึ่ง ในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง.จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายภายใน 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

และเมื่อสำนักงาน ปปง. รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหายและความเสียหายเสร็จสิ้นแล้ว จะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณาส่งเรื่องเพิ่มเติมให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย) ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ต่อไป
 

 

3. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สิน
ไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย) จำนวน 5 รายคดี ทรัพย์สิน 58 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 27 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานฉ้อโกงประชาชน และการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ

4. มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 44 รายคดี โดยส่วนใหญ่เป็นคดีความผิดมูลฐานยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฉ้อโกงประชาชน และการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 
    

นอกจากนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติรับทราบกรณีที่เลขาธิการ ปปง. ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวในกรณีจำเป็นเร่งด่วนตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รายคดี นายศิริชัยฯ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (เครือข่ายเว็บไซต์ MGMGAME เช่น www.mgm999v.com www.mgm999win.com และ[email protected]) โดยมีการยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม จำนวน 22 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 22 ล้านบาท

นายเทพสุ รองเลขาธิการ ปปง. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกหลายคดี โดยมุ่งเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด

ในขณะเดียวกัน ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง. ก็จะพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย