DELTA ส่งผลกระทบ"หุ้นไทยปี 66" ผันผวนแรงแค่ไหน?

04 ม.ค. 2566 | 02:50 น.

ASPS เผยการเคลื่อนไหวของ DELTA ทุก 1% ส่งผลต่อดัชนีหุ้นไทย 0.85 จุด หลังราคายังขึ้นร้อนแรง ปิดซื้อขายวันแรกปี 66 ที่ 930 บาท จนเบียดดัน Market Cap ทะลุ 1.16 ล้านล้าน

 

หุ้นบมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ยังคงร้อนแรงไม่หยุด โดยตลอดปี 65 ปรับขึ้นจากระดับ 412 มา 830 บาท หรือ 101% หนุนดัชนี SET ปี 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 42.8 จุด  ขณะที่เปิดซื้อขายวันแรกปี 66  (3 ม.ค.66 ) เปิดตลาดราคาพุ่งและทำ"จุดสูงสุดใหม่" All Time High) อยู่ที่ 936 บาทต่อหุ้น ก่อนจะกลับมาปิดที่ 930 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท หรือ 12.05% ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 12,550.37 ล้านบาท  

 

ส่งผลให้ มูลค่าตลาด (Market Cap) หุ้น DELTA พุ่งทะยานอยู่ที่ 1,160,064.90 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย เบียด 2 หุ้นใหญ่ อย่าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT)  ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์สูงสุดของตลาดหุ้นไทยที่ 1,071,427.50  ล้านบาท และ บมจ.ปตท. (PTT)มาร์เก็ตแคป อยู่ที่ 935,438.12 ล้านบาท  
 

 

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ( ASPS) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ปัจจุบัน DELTA จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของ SET50 Index และ TFEX แล้ว หลังได้ถูกคัดเลือกเข้าดัชนี SET50 ในช่วง H1/66  คาดมีโอกาสทำให้ SET และ SET50 กลับมาผันผวนมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นโดยตรง หรือ ซื้อขายสัญญา SET50 Futures ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนตั้งแต่ต้นปี 66 

 

โดยจากการประเมินทุกการเคลื่อนไหว 1% ของ DELTA ส่งผลต่อ SET50 ขยับถึง 0.84 จุด และ SET 0.85 จุด
 

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ  ณ 3 ม.ค. 65  DELTA มี  P/E สูงถึง 78 เท่า และมีฟรีโฟลต (Free Float) หรือหุ้นที่ถือครองโดยรายย่อยต่ำมากเพียง  22.35% จึงทำให้หุ้นถูก Corner หรือไล่ซื้อราคาได้โดยง่ายกว่าหุ้นตัวใหญ่อื่นๆ ที่มี Free Float เกินระดับ 25% ขึ้นไป 

 

ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2565 ( ณ 30 ก.ย.65 )  DELTA มีรายได้อยู่ที่ 84,712.65 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 11,153.59 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิที่ 13.17% และมีกำไรต่อหุ้น 8.94 บาทต่อหุ้น ด้าน P/E อยู่ที่ 78.14 เท่า และ P/BV 20.11 เท่า ด้านสินทรัพย์รวม9 เดือนของปี 65 อยู่ที่ 86,562.79 ล้านบาท หนี้สินรวม 35,089.02 ล้านบาท

 

บล.เอเซียพลัส คาดผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 65  DELTA จะออกมาดีมีกำไร 3,861 ล้านบาท เติบโต 84% จากช่วงเดียวกันของปี 64  แต่ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 65 ที่ 6% ที่มีกำไร 4,100 ล้านบาท โดยทั้งปี 65 คาดว่าจะมีกำไร 14,026 ล้านบาท เติบโต 109% จาก ปี 2564 ที่มีกำไร 6,700 ล้านบาท