เคล็ด(ไม่)ลับ จับหุ้นเด่นจากข่าว ที่เป็นเรื่องราวของหุ้นตัวนั้น

18 ม.ค. 2567 | 09:34 น.

เคล็ด(ไม่)ลับ จับหุ้นเด่นจากข่าว ที่เป็นเรื่องราวของหุ้นตัวนั้น :คอลัมน์ Investing Tactic โดย บุษชาภร อินทรีย์  (IC complex 1) และ วิทยากรพิเศษโครงการ SITUP

หุ้นขึ้นมีข่าวอะไร หรือหุ้นนี้มีข่าวอะไรทำไมถึงคิดว่าจะขึ้น  เคยไหมที่เจอคำถามที่มักจะเจอบ่อยครั้งที่ที่คุยกับเพื่อนๆพี่ๆ นักลงทุนเสมอ บางทีก็ซื้อตามข่าวเพราะคิดว่าดี กว่าจะรู้ตัวอีกทีสุดท้ายก็ติดดอยเพราะข่าว 

จากประสบการณ์ที่ได้อ่านข่าว การอ่านที่สะสมเป็นระยะเวลาที่นานพอและทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เห็นถึงรอบหุ้นตั้งแต่ยังไม่ขึ้น เริ่มสะสม ก่อตัวเป็นขาขึ้นที่ยาวนาน จนเป็นรอบปล่อยหุ้น และเข้าสู่ช่วงตกต่ำ ที่ได้เห็นวัฏจักรว่า การขึ้นลงของหุ้นที่เกิดจากการอ่านข่าวนั้นเป็นข่าวประเภทไหน 

ต้องบอกว่า แหล่งข่าวที่อ่านนั้น เป็นข่าวที่มาจากตลาดหลักทรัพย์ฯเท่านั้น ไม่ได้อ่านจากแหล่งอื่นๆ เพราะข่าวหุ้นที่มาจากตลาดหลักทรัพย์นั้นล้วนเป็นเรื่องจริงที่บริษัทฯต้องเปิดเผยให้นักลงทุนทราบ ดังนั้นจะเป็นแหล่งข่าวที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในมุมมองของผู้เขียนเอง หลังจากอ่านข่าวแล้วนั้นก็จะแยกประเภทข่าวที่ต้องโฟกัสและเอาไปทำการบ้านต่อ

แล้วข่าวจากตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ช้าไปเหรอ หรือข่าวจากตลาดฯใครๆก็รู้กันหมดเเล้ว จะทำให้ได้หุ้นที่ราคาดีๆก่อนคนอื่นเหรอ หรือ ข่าวออกจากตลาดฯ ราคาหุ้นก็คงขึ้นไปถึงไหนแล้วซื้อไม่ทันหรอก นี่อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนคิดอยู่ในใจซินะ..

เคล็ด(ไม่)ลับ จับหุ้นเด่นจากข่าว ที่เป็นเรื่องราวของหุ้นตัวนั้น

บางทีก็อาจจะใช่และไม่ใช่  ข่าวของหุ้น มีหลายแหล่งที่มา ไม่ว่าจะเป็น ตามเวบไซต์ข่าว ห้องไลน์ กระทู้ห้องหุ้นต่างๆ หนังสือพิมพ์(ตอนนี้คงมีคนอ่านแบบออนไลน์กันแล้ว) เพื่อนบอก หรือจากแหล่งอื่นๆ หากแต่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เรารู้จากข่าวนั่นน่าสนใจ หรือน่าจะเอาไปทำการบ้านต่อกันแน่ นั่นซิทุกคนน่าจะมีคำถามเดียวกัน ว่า ข่าวแบบไหนที่จะทำให้หุ้นขึ้นได้นะ?

ก่อนอื่นเวลาอ่านข่าวผู้เขียนจะมีแนวคิดหลัก 1 อย่างนั่นคือ “อ่านเพื่อตามหาการเปลี่ยนแปลง” ของหุ้นบริษัทฯนั้น และมีแนวคิดย่อยที่อยากรู้ ว่าการเปลี่ยนแปลงนั่นเป็นเรื่องอะไร ใครทำอะไร ทำกับใคร ที่ไหน ทำอย่างไร ใช้เงินเท่าไร ระยะเวลาที่ดำเนินการนานแค่ไหน แล้วเวลาอ่านจะเกิดการ “ เอ๊ะ!” เองโดยธรรมชาติด้วยความอยากรู้ของมนุษย์ ทำให้สามารถเข้าใจและอยากอ่านเนื้อหานั้นต่อไป ประกอบกับใช้ความเป็นชีวิตประจำวันช่วยในการวิเคราะห์ข่าวเองแบบบ้านๆ 

เช่น ข่าวการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์หรือข่าวการขายที่ดิน ย่อมเป็นข่าวดีเพราะการขายย่อม”ได้เงิน”เข้ากระเป๋าทำให้บริษัทฯ ได้เงินมาซึ่งสภาพคล่องมาทำธุรกิจ เป็นรายได้ที่ได้มาก้อนใหญ่  แต่สิ่งที่ต้อง เอ๊ะ!คือ แล้วเป็น”เงินที่ได้มาครั้งเดียว” ดังนั้นอ่านข่าวแบบนี้หุ้นอาจจะขึ้นได้แต่ต้องวางกลยุทธ์เพียงแค่ ”เทรดเก็งกำไรสั้นๆ”ได้เท่านั้น 

ตรงข้ามหากข่าวเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์หรือกิจการที่ดีมากๆแนวโน้มธุรกิจสดใส มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอในอนาคต แต่ที่ต้องใช้เงินซื้อมาเป็นจำนวนมาก สิ่งที่หลายคนคิดอาจจะมองว่าดีที่ลงทุนได้ของดีๆมาเพราะงบจะออกมาดีจากการซื้อกิจการมา

เเต่ เอ๊ะ! การซื้อเหมือนกับการ”ควักเงินหรือ เสียเงิน” ออกจากกระเป๋า ถึงแม้ว่าจะทำเพื่อลงทุน ต้องมีการรอคอย การซื้ออนาคตนั้นต้องใช้ระยะเวลา ราคาหุ้นอาจจะลงก่อนผลลัพธ์ออก ซึ่งผลอาจจะไม่ได้ออกในวันนี้ เพราะผลออกมาได้ดีกว่าที่คาดก็จะขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่ถ้าผลที่ได้น้อยกว่าที่จ่ายไปก็จะสร้างความผิดหวังได้เช่นกัน ควรมีกลยุทธ์ “ไม่รีบซื้อ” ให้ติดตามการทำธุรกิจนั้น รอดูผลลัพธ์ก่อนแล้วจึงค่อยเข้ามาวางแผน ธุรกิจที่ดีถ้าเติบโตจริงจะสามารถเติบโตได้นานหลายปีเลยทีเดียว

ยังมีข่าวหุ้นอีกหลากหลาย สำหรับผู้เขียนข่าวที่เด่นแล้วมีการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่เห็นชัดและทันทีที่สุดนั่นก็คือ “เรื่องของการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น” ข่าวนี้ก็จะมีความน่าตื่นเต้นว่าจะมีวิสัยทัศน์ใหม่ๆของผู้บริหารใหม่ของผู้ถือหุ้นใหม่ให้กับกิจการบ้างหรือไม่ อาจจะส่งผลทำให้ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงที่ดีขึ้น

หรือบางทีอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างการทำธุรกิจใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งจะทำให้โครงสร้างรายได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทางที่ดีขึ้นก็เป็นได้ เรื่องนี้จะให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นจะส่งผลบวกทันทีทันใดในทุกข่าว ซึ่งจะต้องมีการอ่านเข้าไปในรายละเอียดว่าเค้าจะมาทำอะไรและจะทำให้ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปในเชิงที่เราคาดคิดไว้หรือไม่ ข่าวนี้จึงมักเป็นเรื่องที่ต้องเอ๊ะเป็นอันดับต้นเลยทีเดียว

นี่เป็น เพียงตัวอย่างของการอ่านข่าว หลักๆผู้เขียนก็อ่านตามความจริงที่ได้รับมาจากข่าวของเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์อ่านแล้วเอามาเอ๊ะ เอามาวิเคราะห์ แยกแยะ และมองหาโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของข่าวนั้น ซึ่งยึดหลักง่ายๆก็คือใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำเท่าไหร่ ทำแล้ว ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ เพียงแค่นี้ เราก็จะรู้เองว่าข่าวนั้นมันจะมีผลกับราคาหุ้นหรือเปล่า

สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือข่าวเป็นเพียง “เรื่องราว” ของหุ้นตัวนั้น “ที่จะสนับสนุนให้กับราคาหุ้นขึ้นหรือลง” แต่ไม่ใช่หลักสำคัญในการเอามาซื้อหรือขาย ฉะนั้น “ข่าวจึงเป็นเพียงองค์ประกอบในการตัดสินใจในการลงทุน” ปัจจัยพื้นฐานยังคงเป็นสิ่งที่เอาไว้สแกนหาหุ้นที่ดี ปัจจัยทางเทคนิคหรือกราฟเป็นสิ่งที่เอาไว้หาจังหวะในการซื้อขาย หากหุ้นพื้นฐานดีและกราฟหุ้นพร้อม ข่าวจะเป็นแรงสนับสนุนให้หุ้นตัวนั้นขึ้นหรือลงนั่นเอง