เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้บริษัท เคดับบลิวไอ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ KWI Life ดำเนินการแก้ไขฐานะและการดำเนินการตามที่นายทะเบียนกำหนด
โดยออกคำสั่งให้ “ห้าม” เคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน รวมถึงห้ามเพิ่มทุน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ทั้งนี้ เพื่อติดตามและควบคุมความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้เอาประกันภัยและความเชื่อมั่นของสาธารณชน
คำสั่งดังกล่าวอาศัยอำนาจตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 สืบเนื่องจากการที่ KWI ประกันชีวิต ยังไม่สามารถแก้ไขฐานะการเงินให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้
แม้จะเคยได้รับคำสั่งนายทะเบียนที่ 36/2567 และขยายระยะเวลาให้ถึง 3 ครั้งในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงมีนาคม 2568 โดยมีกำหนดให้บริษัทต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 115 ล้านบาท เพื่อเสริมเงินกองทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบล่าสุดของนายทะเบียน พบว่าบริษัทยังฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในหลายประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. ไม่ยื่นงบการเงินตามกำหนดเวลา
บริษัทมิได้ยื่นงบการเงินรายปีสำหรับปี 2567 และงบไตรมาสแรกปี 2568 ที่ผู้สอบบัญชีรับรองตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ไม่สามารถประเมินฐานะการเงินที่แท้จริงของบริษัทได้ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 27/5 และ 43 แห่ง พ.ร.บ.ประกันชีวิตฯ
2. การให้กู้ยืมผิดหลักเกณฑ์
บริษัทมีการให้กู้ยืมแก่กิจการที่มีกรรมการเกี่ยวข้องกัน โดยนำอสังหาริมทรัพย์มาค้ำประกัน โดยมิได้ขออนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งขัดต่อมาตรา 28 และหลักเกณฑ์การลงทุนที่ออกโดย คปภ. และถือเป็นการผิดวินัยทางการเงินอย่างร้ายแรง
3. ไม่จัดสรรสินทรัพย์รองรับภาระตามกรมธรรม์
KWI ยังไม่ดำเนินการจัดสรรสินทรัพย์ไว้รองรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัยอย่างครบถ้วนตามมาตรา 27/4 ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกันภัย
แม้บริษัทได้แจ้งว่า จะได้รับเงินเพิ่มทุนจำนวน 40 ล้านบาท ภายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ แต่จากพฤติกรรมของบริษัทที่มีการถอนเงินสดออกเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายอย่างโปร่งใส ทำให้นายทะเบียนเห็นว่าบริษัทยังไม่มีความมั่นคงและโปร่งใสเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ
คำสั่งเพิ่มเติมของนายทะเบียนมีสาระสำคัญดังนี้
นายทะเบียนยังย้ำว่า หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือมีการกระทำอื่นใดที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพิ่มเติม อาจมีการพิจารณามาตรการขั้นเด็ดขาดเพิ่มเติม เช่น การสั่งระงับการดำเนินกิจการหรือเพิกถอนใบอนุญาต
ยืนยันไม่กระทบสิทธิผู้เอาประกันภัยสำนักงาน คปภ. ยืนยันว่า มาตรการในครั้งนี้เป็นการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย โดยผู้เอาประกันยังคงได้รับความคุ้มครองและสามารถเรียกร้องสินไหมตามสัญญาประกันภัยได้ตามปกติ
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้เริ่มกระบวนการตรวจสอบความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารบริษัท หากพบการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย จะดำเนินคดีตามกระบวนการอย่างเคร่งครัด เพื่อยกระดับธรรมาภิบาลในธุรกิจประกันภัยของประเทศให้โปร่งใสและเป็นธรรมต่อประชาชน
สำหรับประชาชนหรือผู้เอาประกันภัยที่มีข้อสงสัยหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัท สามารถติดต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายด่วน คปภ. โทร. 1186 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ คปภ.