KTC หวังรัฐบาลใหม่หนุนเศรษฐกิจ ตั้งเป้าสินเชื่อโต 1–2%

12 ธ.ค. 2568 | 09:05 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ธ.ค. 2568 | 09:10 น.

KTC ชี้เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง หวังรัฐบาลใหม่เร่งฟื้นเชื่อมั่น—ตั้งเป้าสินเชื่อปีหน้าขยายตัวเพียง 1–2% เน้นลูกค้ารายได้สูง”

นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ เคทีซี เปิดเผยถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการยุบสภาว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไม่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ แต่ก็เห็นความตั้งใจที่ดีของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดในขณะนี้

ทั้งนี้ เคทีซี ในฐานะภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน หวังว่า รัฐบาลรักษาการจะไม่ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองในช่วงการบริหารประมาณ 3-6 เดือน เพื่อไม่ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขาดตอน แต่ก็คาดหวังว่า กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลจะทำได้เร็วเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 

“หวังว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อ เพื่อช่วยผู้ประกอบการและคนที่มีภาระหนี้ และอยากได้รัฐบาลที่เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยเฉพาะปัญหาที่หยั่งรากลึก  มีวิสัยทัศน์ มีนโยบายและแผนงานในการแก้ไขเศรษฐกิจระยะยาวและสามารถดำเนินการแผนงานให้เกิดได้จริง”

นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า บริษัทยังคงเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามเดิม คือ ยอดสินเชื่อรวมเติบโต 1-2 % ขณะที่เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจบัตรเครดิตแบบระมัดระวังเป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 5 ปี ที่พูดถึงการเติบโตเพียงเลขหลักเดียว (Single digit) เนื่องจากมองว่า ปัจจัยเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ หากคนไม่มีรายได้ก็จะสมัครสินเชื่อหรือดูแลหนี้ไม่ได้ และรักษาระดับหนี้เอ็นพีแอลไม่เกิน 2%

สำหรับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าบัตรเครดิต จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง (Wealth) หรือกลุ่มที่มีรายได้ 50,000 - 100,000 บาทขึ้นไปมากขึ้น เพราะเป็น กลุ่มที่ยังมีความสามารถในการชำระหนี้ดีกว่า โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากลุ่มรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป ขยับขึ้นจาก 15% ในอดีต มาเป็นประมาณ 20% แล้ว โดยกลยุทธ์จะเน้นความยืดหยุ่น (Flexibility) และความรวดเร็วในการประมวลผลข้อมูลเพื่อรองรับมาตรการต่างๆ รวมถึงยังคงยืนหยัดในเป้าหมายที่ตั้งไว้แม้จะมีความไม่แน่นอน

ขณะที่สถานการณ์หนี้และคุณภาพพอร์ตสินเชื่อนั้น 

ภาพรวมพอร์ตสินเชื่อยังถือว่าปกติ ไม่พบสัญญาณผิดปกติที่น่ากังวล ลูกค้าส่วนใหญ่มีวินัยทางการเงินดี 

โดยอัตราการผิดนัดชำระหนี้ สำหรับพอร์ตบัตรเครดิตทั่วไป ยังอยู่ในระดับค่ำอยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5% โดยกลุ่มที่มีปัญหาคือ กลุ่มที่เปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิตมาเป็นเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) หรือปรับโครงสร้างหนี้ 

กลุ่มนี้มีอัตราการผิดนัดชำระสูงถึงประมาณ 11-12% เพราะเป็นกลุ่มที่เริ่มเดือดร้อนทางการเงินอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ยอดหนี้ของกลุ่มนี้มีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับพอร์ตใหญ่ จึงไม่กระทบภาพรวม ซึ่งบริษัทมีมาตรการช่วยเหลือด้วยปรับโครงสร้างหนี้เมื่อลูกค้าเริ่มผ่อนไม่ไหว หรือก่อนที่จะกลายเป็นหนี้เสีย (NPL)