"สมชาย" ชี้ "ผู้ว่า ธปท.คนใหม่" ต้อง ถ่วงดุลอำนาจ- การเงินการคลัง

ดร.สมชาย ภาคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงบทบาทและคุณสมบัติของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ว่า จะต้องมีความเป็นอิสระเพราะว่าตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติเกี่ยวข้องการกำหนดอัตราดอกเบี้ย  และ ต้องถ่วงดุลกับรัฐบาล สองอัตราแลกเปลี่ยนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นทางอ้อม ส่วนทางตรง คือ ทางการกระทรวงคลัง รักษาเสถียรภาพการเงิน ปกติแบงก์ชาติกับกระทรวงการคลังดำเนินมาตรการบางครั้งไปด้วยกันดี แต่มีหลายครั้งขัดแย้งระหว่างกัน เหตุผลที่เป็นแบบนี้รัฐบาลต้องการฐานคะแนนเสียงเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ผู้ว่าคนใหม่ต้องมีความเข้าใจหรือวิสัยทัศน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบัน อย่างกรณีเรื่องภาษีของทรัมป์  ผู้ว่าแบงก์ชาติต้องรักษาสมดุลเสถียรภาพการเงินการคลัง  และ ยืนหยัดบน หลักการ ไม่หวั่นต่อแรงเสียดทานทางการเมือง ดังนั้นบทบาทของแบงก์ชาติมีสองนัยยะ ด้านหนึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านหนึ่งทำงานสอดคล้องกับรับบาล แต่จะต้องมควาคิดอิสระมีดุลยพินิจและมีความคิดเห็นแตกต่างกับรัฐบาลนโยบายอันไหนดีก็สนับสนุน ส่วนสิ่งไหนที่แบงก์ชาติคิดว่าไม่เหมาะสมก็ต้องยับยั้งเช่นเดียวกัน

“ผมเชื่อว่าใครก็ตามนั่งผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่จะต้องลดดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้ง เพราะเรื่องภาษีทรัมป์เข้ามารุมเร้า”

อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ 22 กรกฎาคม 2568  นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้ "นายวิทัย รัตนากร" ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ตามที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอชื่อ โดย นายวิทัย รัตนากร จะดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ แทน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในวันที่ 30 ก.ย.นี้

นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการอ้างอิงถึงมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2563 ที่ได้เห็นชอบแต่งตั้งนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 ซึ่งมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2563.