ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์โตสวนเศรษฐกิจ คาดทั้งปีเพิ่ม 3% แถมซื้อเงินสดเพิ่ม

14 ก.ค. 2568 | 06:25 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2568 | 06:25 น.

นายกสมาคมเช่าซื้อฯ เผยยอดขายมอเตอร์ไซค์โตต่อเนื่องเฉลี่ยเดือนละ 1.5 แสนคัน คาดทั้งปีโต 2-3% สวนทางเศรษฐกิจชะลอ แถมยอดการซื้อเงินสดเพิ่มขึ้น อาจมีแหล่งทุนอื่นง่ายกว่าสินเชื่อ เหตุผู้ประกอบการยังเข้มงวด

พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ธุรกิจสถาบันการเงินพ.ศ.2551 พ.ศ. 2568 ซึ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ท่ี่จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 

นายมงคล เพียรพิทักษ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัดและในฐานะนายกสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เบื้องต้นต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มากขึ้น ซึ่งธปท.ได้ทยอยเชิญผู้ประกอบการเข้าไปคุยบ้างแล้ว 

นายมงคล เพียรพิทักษ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัดและในฐานะนายกสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทยเ

สิ่งสำคัญคือ ทุกคนเตรียมจะปรับตัวหลายเรื่อง ระหว่างนี้ส่วนใหญ่กลับมาดูธุรกิจของตัวเองในแง่ต้นทุนการดำเนินงานและต้นทุนทางการเงิน การเตรียมตัวเพื่อทำเพิ่ม

ไม่ว่าการรายงานตัว การเตรียมระบบงานหรือกระบวนการทำงานเพื่อรองรับมาตรการการให้บริการทางการเงินอย่างเป็นธรรม(MC: Market Conduct) และการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม(RL: Responsible Lending)รวมถึงระบบการรายงาน 

เบื้องต้นธปท.จะให้เวลาในการพัฒนางานระบบต่างๆ ซึ่งบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯทุกคนรับทราบมาตลอดและอยู่ระหว่างปรับตัว แต่ส่วนหนึ่งยังต้องรอความชัดเจนของทางธปท.ว่า จะกำกับระดับไหน เพราะภายใต้กำกับของพรฎ.ธปท. ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อยกระดับบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน 

ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์โตสวนเศรษฐกิจ คาดทั้งปีเพิ่ม 3% แถมซื้อเงินสดเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ในท้องถิ่นแต่ละจังหวัดอีกมากยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนและไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งสมาคมฯก็พร้อมจะเป็นตัวกลางประสานงานหรือชี้แจงแนวปฎิบัติบางอย่าง เพื่อทำความเข้าใจและให้ความรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจในท้องถิ่นให้ครอบคลุมในวงกว้างมากขึ้น 

นายมงคลกล่าวถึงตลาดรถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์)ว่า มีสัญญาณดีขึ้น โดยยอดขายรถเฉลี่ยเดือนละ 1.5 แสนคัน รวม 5เดือนปีนี้มียอดขายรวม 7.5-8แสนคัน เติบโตในอัตรา 3-5% เทียบจากยอดขายปีที่แล้ว 1.8ล้านคัน โดยทั้งปีตลาดประเมินยอดขายรถมอเตอร์ไซค์จะเติบโต 2-3% 

"ยอดขายรถมอเดอร์ไซค์ปีนี้ขยายตัวสวนทางกับเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ที่น่าสนใจพบว่า ยอดการซื้อเงินสดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเกือบ 35%จากก่อนหน้าอยู่ที่ 30% ซึ่งน่าจะมีแหล่งทุนอื่นที่เข้าถึงง่ายกว่าสินเชื่อ ทำให้แนวโน้มการซื้อรถเงินสดเพิ่มขึ้น เกาะกลุ่มผู้ซื้อที่มีรายได้ระดับกลาง ที่ซื้อรถเพื่อใช้ในครอบครัว รวมถึงการใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น ดิลิเวอร์รี่ และขนส่ง/ลอจิสติกส์” 

ส่วนความต้องการสินเชื่อในภาพรวมยังคงมีอยู่ แต่การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อยังอยู่บนความระมัดระวัง ไม่หวือหวา เพราะผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่เข้มงวดและคัดกรองคุณภาพลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทีลีสซิ่งในช่วง 5เดือนปีนี้ ที่นโยบายหลักคือ ไม่ทำตลาดเชิงรุก แต่ให้บริการลูกค้าร่วมกับดีลเลอร์ที่ยังเป็นคู่ค้าอย่างเหนียวแน่น โดยโฟกัสให้ครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่ให้บริการ 

ในแง่สินเชื่อรวม 5เดือนลดลง โดยมูลค่าสินเชื่อเฉพาะสมาชิกสมาคมที่มีอยู่ 12ราย มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อ 50%ของยอดสินเชื่อมอเตอร์ไซค์รวมในระบบ 8-9 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระยะฟื้นตัว

ประกอบกับสถานการณ์ของความไม่แน่นอน มีส่วนทำให้แต่ละค่ายต่างให้ความระมัดระวังในการคัดเลือกลูกค้าและเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ เพราะที่ผ่านมาพบว่า การคัดคุณภาพลูกค้า ทำให้ภาระในการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูงลดลงเกือบทุกค่าย อีกทั้งยังส่งผลให้หนี้เสียเบาบางลง โดยไม่ไหลเพิ่มจนกระทบเงินกันสำรองแต่อย่างใด 

สำหรับทิศทางครึ่งปีหลังว่าเชื่อว่า ตลาดยังระมัดระวังเรื่องเศรษฐกิจที่แนวโน้มน่าจะเหนื่อยกันอยู่ ภายใต้ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ส่งผลต่อความกังลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า หรือสัญญาณการไม่มีงานทำด้วย

“การผ่อนชำระของลูกค้าที่ผ่านมามีสัญญานที่ดี ยังไปได้ ส่วนหนึ่งผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อ โดยเฉพาะสมาชิกของสมาคมฯและทีลีสซิ่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เป็นรายกรณี ด้วยมาตรการแบ่งเบาภาระในรายที่ประสบปัญหาให้ไปต่อและผ่อนชำระจนสามารถเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ได้ เช่น ลดค่างวด ขยาย/ยืดเทอมการผ่อนชำระจากปกติ 36งวด ขึ้นกับลูกค้าแต่ละรายด้วย”

แหล่งข่าววงในธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า นอนแบงก์นอกระบบ ทั้งคนขายรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งยังไม่ระบุจำนวนชัดเจนนั้น จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อ กรณีที่ลูกค้ายื่นกู้ไม่ผ่านจากสถาบันการเงินหรือธนาคารในระบบ

การคิดดอกเบี้ยอัตราแตกต่างกัน เมื่อนอนแบงก์เข้ามาอยู่ภายใต้กำกับของธปท. การทำธุรกิจหรือแข่งขันบนต้นทุนและมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ผลประโยชน์จะอยู่กับลูกค้าที่ได้รับความเป็นธรรมและบริการหลังการขายจะดี และแนวโน้มการแข่งขันรุนแรงจะมากขึ้น  

“ภายใต้พรฎ.เช่าซื้อ ลีสซิ่งของธปท.จะกำกับ บริษัทลูกแบงก์, บริษัท Captive ,บริษัทนอนแบงกทั่วไป ซึ่งนอนแบงก์ทั่วไปจะขายรถยนต์ขายรถมอเตอร์ไซค์และอีกกลุ่มทั้งขายรถและให้สินเชื่อ ซึ่งต้องขึ้นทะเบียนกับธปท.หากไม่รายงานตัวตามกำหนด อนาคตก็จะทำได้เฉพาะธุรกิจขายรถ ไม่สามารถให้สินเชื่อได้เช่นที่ผ่านมา” 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,113 วันที่ 13 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568