สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยเฉลี่ยในไตรมาสแรกของปี 2568 ธนาคารพาณิชย์มีรายได้ลดลง 1.65% เทียบกับการเพิ่มขึ้น 6.69% ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 ตามการลดลงจากรายได้ดอกเบี้ยเป็นสำคัญ
ขณะที่รายจ่ายธนาคารพาณิชย์ไทยมีรายจ่ายลดลง 3.11% เทียบกับการเพิ่มขึ้น 5.57% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยรายจ่ายสำคัญที่ลดลง คือ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ ดอกเบี้ยเฉลี่ย (NIM) อยู่ที่ 3.04% เทียบกับ 3.24% ในไตรมาสก่อนหน้าและ 3.23% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
แหล่งข่าวเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงกระแสข่าวธนาคารพาณิชย์ในระบบจะกลับมาเก็บค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตรายปี เพื่อเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมทดแทนรายได้ดอกเบี้ยปรับลดลงว่า ปกติทุกธนาคารจะแจ้งเตือนหรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมลูกค้า ภายใต้เงื่อนไขที่ได้กำหนดวงเงินหรือยอดการใช้จ่ายต่อบัตรแต่ละประเภทอยู่แล้ว
เพียงแต่ที่ผ่านมา เมื่อธนาคารมีการแจ้งเตือนไปยังลูกค้าลูกค้าสามารถขอยกเว้นได้ แต่เข้าใจว่า หลังจากนี้เป็นต้นไปทางธนาคารเจ้าของหรือผู้ออกบัตรเครดิตจะมีการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยจะไม่ยืดหยุ่นหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวเช่นที่ผ่านมา
“เหตุผลที่เข้าใจได้คือ การออกบัตรนั้น มีต้นทุนค่าใช้จ่ายและส่วนหนึ่งผู้ถือบัตรก็ใช้บัตรไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการออกบัตร เช่น บัตรเครดิตพรีเมียมหรือ ลูกค้าระดับสูง ลูกค้าต้องการเพียงเพื่อหาที่จอดรถหรือเอกสิทธิ์พิเศษ สำหรับจอดรถในห้างสรรพสินค้า เพราะห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่บริการหลายแห่ง จะสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตพรีเมียมหรือบัตรเครดิตบางประเภท”
“ฐานเศรษฐกิจ”ย้อนดูสถิติรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศในช่วง 5ปีที่ผ่านมาพบว่า เติบโตเพิ่มขึ้น 5.5% จาก 1.73 แสนล้านบาทปี2563 เป็น 1.83แสนล้านบาทในปี2567
อย่างไรก็ตาม เมื่อหักค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการพบว่า รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 0.9% จาก 1.26 แสนล้านบาทเป็น 1.19 แสนล้านบาท โดยที่ช่วงปี 2565-2566 รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิติดลบเท่ากันในอัตรา 3.7%
สำหรับไตรมาสแรกปี 2568 ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศมีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ 30,682 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.6% จาก 30,490 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี2567 และเพิ่มขึ้น 1.5% จาก 30,221 ล้านบาท ในไตรมาส 4ปี2567
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) 11 แห่งมีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิรวม 40,414 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.7% จาก 40,130 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
โดยที่ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (D- SIBs) 6 แห่งมีเพียง 2 แท่งเท่านั้น ที่มีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นคือธนาคาร กรุงเทพ เพิ่มขึ้น 9.6% และธนาคาร กสิกรไทย เพิ่มขึ้น 1.12% และอีก 4 แห่ง รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ
ปี 2563-2567มีทั้งสิ้น 14 รายการประกอบด้วย
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย กลุ่มงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า รายได้ค่าธรรมเนียมก้อนใหญ่ (เงินโอน) ที่หายไปหลังการปรับโครงสร้างเมื่อปี 2561 ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ
ส่วนแนวโน้มปี2568 คาดว่า รายได้ค่าธรรมเนียมอาจจะไม่เติบโตไปมากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวดีนักและแย่กว่าปีที่แล้ว
ประกอบกับ มีความเสี่ยงที่อาจจะเติบโตต่ำหรือไม่ฟื้นตัวกลับมา เพราะฐานที่สูงในปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้วรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่ 1.83 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโตในอัตรา 2.4% จาก 1.79 แสนล้านบาทในปี 2566 ซึ่งมีอัตราการเติบโต 1.2% จากปี2565 แต่ปีนี้อาจจะโตต่ำหรือไม่โตเลย เพราะภาพใหญ่กิจกรรมในประเทศบางเบา
สำหรับกำไรของธนาคารพาณิชย์ จะแบ่งเป็น 2ส่วนคือรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 76.9% และส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีสัดส่วน 23.1% ซึ่งรายได้ค่าธรรมเนียมมีสัดส่วนประมาณ 63.8% ของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยนั้นประกอบด้วย 4 ตัวหลักคือ ค่าธรรมเนียมและบริการ, กำไรจากเงินลงทุน, กำไรจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่ายุติธรรมและรายได้อื่นๆ
“ประมาณการรายได้ค่าธรรมเนียมปีนี้โตต่ำกว่าปีก่อนและมีโอกาสจะไม่โต โดยเฉพาะหากความเสี่ยงเศรษฐกิจลากยาวตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ที่ตอนนี้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังเยอะ เศรษฐกิจในประเทศไม่ค่อยมีแรงขับเคลื่อน ซึ่งค่าธรรมเนียมหลายตัวจะขยายตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้รายได้เหล่านั้นเติบโตไม่หวือหวาหรือลุ่มๆดอนๆ”
นางสาวกาญจนากล่าวต่อว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเป็นตัวเดียวที่ยังพอไปได้ เพราะหากเทียบกับช่วงโควิด-19 รายได้จากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเป็นตัวสำคัญของธนาคาร แต่ค่าธรรมเนียมตัวอื่นๆ อาจติดลบหรือเติบโตลดเตี้ยลง และมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจยังเผชิญความท้าทาย อาจทำให้กิจกรรมในประเทศบางเบาลง
ทั้งนี้ เรื่องค่าธรรมเนียมเป็นโจทย์ต่อเนื่องตั้งแต่ค่าธรรมเนียมเงินโอน ซึ่งเป็นก้อนใหญ่ที่หายไป แม้ธนาคารพยายามจะหาแหล่งรายได้ใหม่มาทดแทน แต่ยังไม่สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปได้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวนัก
ดังนั้น จะเห็นธนาคารพาณิชย์พยายามลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงอีกในช่วงที่เหลือของปี 2568 ซึ่งเป็นความพยายามที่ทำมาอย่างต่อเนื่องในการปรับลดค่าใช้จ่ายและดูแลต้นทุนของตัวเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,099 วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568