สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เผยแพร่บทความ เรื่อง "อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ทั่วโลก เริ่มส่งสัญญาณวิกฤต ? " ระบุว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้เป็นอย่างมาก ทำให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (Default Rate ) เมื่อเทียบกับ Speculative grade Bonds ทั้งหมดของทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1.7% ในปี 2564 เป็น 1.9% ในปี 2565 และของ Asia Pacific เพิ่มขึ้นมากจาก 3.2% ในปี 2564 เป็น 6.4% ในปี 2565 โดยสาเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน นอกจากนี้ยังพบว่าใน Asia มี Average Time to Default เร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
Capital Market Snapshot จากข้อมูลข้างล่างนี้ ได้แสดงสถานการณ์ของตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก และข้อมูลล่าสุดของตลาดตราสารหนี้ไทย ดังนี้
ในปี 2565 ทั่วโลกมี Default Speculative-grade Bonds 71 ครั้ง และ Default Rate เมื่อเทียบกับ Speculative-grade Bonds ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 1.7% เป็น 1.9%
โดยเอเชียแปซิฟิก มี Speculative-grade Default Rate เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 3.2% เป็น 6.4% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการถดถอยของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน
ในปี 2565 Real Estate มีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว และอุตสาหกรรมบริโภคและมีบริการ (Consumer/Service Sector) มีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงที่สุดถึง 1.95%
รายงานยังระบุอีกว่าวิกฤติเศรษฐกิจแต่ละครั้งพบว่าจำนวน Corporate Default สูงขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ ระหว่างปี 2524 - 2565 ทั่วโลกมี Corporate Default ถึงจำนวน 3,253 ครั้ง แต่ในเอเชีย ระหว่างปี 2536-2565 มี Corporate Default เพียง 131 ครั้ง
ในปี 2565 มูลหนี้ของ Corporate Defaults ทั่วโลกมากกว่า 1.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และในเอเชียมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2565 จำนวนการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ในเอเชียสูงสุดตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งสวนทางกับทั่วโลกส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน
ปี2565 ภูมิภาค Asia Pacific (รวมประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) และ Emerging Markets ออกตราสารหนี้ ที่ Rating BBB (Investment Grade) เป็นสัดส่วนมากที่สุด แต่ในมุมทั่วโลกพบว่ามีสัดส่วนการออกตราสารหนี้ที่ Rating B (Speculative Grade) มากที่สุด
ปี 2565 ระยะเวลาเฉลี่ยที่จะผิดนัดชeระหนี้ (Average Time to Default) นับจาก Credit Rating เริ่มต้น ในเอเชียเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5 ปี ขณะที่เฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 6.2 ปี
ดังนั้น แม้ Asia จะมีสัดส่วนการออกตราสารหนี้ที่ Rating ดีกว่าทั่วโลก แต่ระยะเวลาเฉลี่ยที่จะ Default กลับเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในทุก Rating
สำหรับสถานการณ์ตราสารหนี้ในประเทศไทยในปัจจุบัน (ณ เดือนสิงหาคม 2566) ฐานข้อมูล SEC Open Data แสดงข้อมูลตราสารหนี้ของไทยพบว่ามี Investment-grade Bond มูลค่าสูงถึง 27 ล้านล้านบาท
ถ้าแบ่งตามระยะเวลาของตราสารหนี้ สามารถแบ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 45% หรือมูลค่ากว่า 8.9 ล้านล้านบาท และตราสารหนี้ระยะยาว 55% หรือมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท
ThaiBMA คำนวณความน่าจะเป็นที่ตราสารหนี้ในแต่ละ Rating มีโอกาสที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้โดยที่ Rating ที่สูงกว่า BBB จะถือว่าเป็น Investment Grade และ Rating ต่ำกว่า BBB จะถือว่าเป็น Speculative Grade