จับตาทิศทางดอกเบี้ย 3แบงก์ชาติใหญ่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อต่อ

28 ส.ค. 2566 | 01:21 น.

หลังการประชุมแจ็กสัน โฮล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากประธานเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงแล้ว ด้าน ECB และ BoE ก็ได้ออกมาแสดงท่าทีไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นแบงก์ชาติญี่ปุ่น ที่เงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้า

 

การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมือง แจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 ส.ค.) โดยการประชุมในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "Structural Shifts in the Global Economy" ประธานธนาคารกลางและผู้ว่าการธนาคารกลาง ระดับแนวหน้าของโลกที่เดินทางเข้าร่วมการประชุมหลายราย ต่างเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเดินหน้า ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยในอัตราสูงจนกว่า เงินเฟ้อ จะอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานก็ตาม

เฟด ปิดทางลดดอกเบี้ย ส่งสัญญาณอาจขึ้นดอกเบี้ยต่อ

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า เงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่สูงเกินไป และเฟดเตรียมการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ "แม้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงจากระดับสูงสุด ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดี แต่ก็ยังคงอยู่สูงเกินไป โดยเราเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหากมีความเหมาะสม และจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จนกว่าเรามีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างยั่งยืนไปสู่เป้าหมายที่เรากำหนดไว้" นายพาวเวลล์กล่าวในการประชุมแจ็กสัน โฮล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ส.ค.)

เฟดปิดทางลดดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณอาจขึ้นหรือคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไป

เขายอมรับว่า การดำเนินการของเฟดมีความเสี่ยง 2 ด้าน คือดำเนินการมากเกินไปและน้อยเกินไป โดยการดำเนินการน้อยเกินไปจะทำให้เงินเฟ้อที่อยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดฝังตัวลึก และจะยิ่งทำให้เฟดต้องใช้นโยบายการเงินเพื่อขจัดเงินเฟ้อออกจากเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ส่วนการดำเนินการที่มากเกินไปจะทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น

ทั้งนี้ นายพาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่า ในการประชุมที่จะมาถึงในเดือนก.ย.นี้ และอีกสองครั้งที่เหลือของปี 2566 เฟดจะตัดสินใจอย่างระมัดระวังว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ หรือจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง ซึ่งจะต้องรอพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจในขณะนั้นประกอบการตัดสินใจ

ECB จำเป็นต้องตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปเพื่อฉุดเงินเฟ้อสู่เป้าหมาย

ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในการประชุมแจ็กสัน โฮลเมื่อวันศุกร์เช่นกันว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายให้ได้

"ในยุคแห่งความไม่แน่นอนนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารกลางต่าง ๆ จะต้องสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจ และรับประกันเสถียรภาพของราคา ซึ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ECB จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมายระยะกลางของเราที่ระดับ 2%" นางลาการ์ดกล่าว

ECB จำเป็นต้องตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงมาตามเป้า

ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนางลาการ์ดเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับนายพาวเวลล์ ประธานเฟด ที่ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของธนาคารกลาง แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม

ในการประชุม ECB ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรรมการ ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน

BoE ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยระดับสูงต่อไป เหตุจากเงินเฟ้อเช่นกัน

นายเบน บรอดเบนท์ รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวในการประชุมแจ็กสัน โฮลเมื่อวันเสาร์ (26 ส.ค.) ว่า BoE จำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงมาก

โดยเขายอมรับว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากการนำเข้าสินค้าประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียมีต้นทุนสูงขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ BoE จำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง

BoE จำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง

“คำถามสำคัญที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายต้องตอบก็คือ ต้นทุนการนำเข้าจะปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เราสามารถปรับนโยบายการเงินหรือไม่ สำหรับผมแล้ว คำตอบคือผมไม่คิดว่าต้นทุนการนำเข้าจะลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเพื่อสกัดเงินเฟ้อจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก"

ที่ผ่านมา BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันยาวนานถึง 14 ครั้งแล้ว จนปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบๆ 16 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% จากระดับสูงสุดที่ 11.1% แต่ BoE ยังคงมองว่าตัวเลขดังกล่าวยังอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของ BoE ที่ระดับ 2% มากกว่า 3 เท่า         

BOJ สวนกระแส ส่งสัญญาณผ่อนคลายการเงินต่อไป เหตุเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้า

นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในการประชุมแจ็กสัน โฮลเช่นกันว่า เงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงขยายตัวช้ากว่าเป้าหมายของ BOJ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่คณะกรรมการ BOJ ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป

"เรามองว่าเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของ BOJ ด้วยเหตุนี้ เราจึงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีก"

BOJ สวนทางแบงก์ชาติอื่นๆ เพราะเงินเฟ้อยังต่ำ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีก

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารของญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 3.3% ทาง BOJ คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานจะชะลอตัวลงต่อไปจนถึงสิ้นปี 2566 นี้ ขณะเดียวกัน ความคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้น BOJ คาดหมายทางบวกว่า อุปสงค์ภายใประเทศยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม นายอุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในการประชุมครั้งนี้

สำหรับการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล หรือ "The Jackson Hole Economic Symposium" ซึ่งปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.และได้ปิดฉากลงไปแล้วนั้น เป็นหนึ่งในการประชุมที่มีประวัติอันยาวนานที่สุดในโลก โดยเฟดสาขาแคนซัสซิตีเป็นแม่งานจัดการประชุมดังกล่าวในทุก ๆ ปีนับตั้งแต่ปี 2521 โดยการประชุมจะมุ่งอภิปรายในประเด็นเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ และผู้ที่ได้เข้าร่วมประชุมจะประกอบไปด้วยผู้ว่าการธนาคารกลางและรัฐมนตรีคลัง รวมทั้งบรรดานักวิชาการ และนักลงทุนชั้นนำในตลาดการเงินทั่วโลก