สหรัฐคว้าน้ำเหลวเจรจาเพดานหนี้ ลุ้นระทึกหารือรอบใหม่ศุกร์นี้

10 พ.ค. 2566 | 02:28 น.

เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ แต่ผู้นำสหรัฐและสภาผู้แทนฯ ก็ยังเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ไม่สำเร็จ

 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับ การปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากเข้าร่วมการเจรจาในเรื่องดังกล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้นก่อนที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องเผชิญกับ การผิดนัดชำระหนี้ ครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์หากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ไม่สำเร็จ

ก่อนหน้านี้ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาเตือนแล้วอย่างน้อยสองครั้งว่า หากเงินสดหมดคลังและสหรัฐต้องผิดนัดชำระหนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า “หายนะทางเศรษฐกิจและการเงิน” จะเกิดขึ้นไม่เพียงเฉพาะกับสหรัฐเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกด้วย   

โดยปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐมีการกู้ยืมแตะเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ไปตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมแล้ว ทำให้กระทรวงการคลังต้องดำเนิน “มาตรการขั้นพิเศษ” เพื่อให้รัฐบาลมีเงินมาชำระหนี้ต่อไปได้  แต่ก็ย้ำว่าความสามารถของสหรัฐในการทำเช่นนั้น กำลังจะหมดแรงลงไปเรื่อย ๆ  และเงินสดคงคลังก็จะเริ่มพร่องลงไปด้วย “และในที่สุด วันที่เราไม่สามารถชำระหนี้ก็จะมาถึง” นางเยนเลนกล่าว

ปธน.โจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนสหรัฐ จะหารือผ่าทางตันกันอีกครั้งวันศุกร์นี้ (12 พ.ค.)

อย่างไรก็ตาม ความหวังยังคงมีเพราะทั้งสองฝ่าย (ปธน.ไบเดน และนายแมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนฯ)  ให้คำมั่นว่าจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งเพื่อหารือผ่าทางตันประเด็นดังกล่าวในวันศุกร์นี้ (12 พ.ค.)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานย้อนบรรยากาศและปมปัญหาเมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) ว่า หลังจากที่ใช้เวลาในการเจรจาประมาณ 1 ชั่วโมงที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ปธน.ไบเดน และนายแมคคาร์ธี ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ แม้ว่าข้อติดขัดนี้จะทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย.ที่กำลังจะมาถึง

แม้ว่าการเจรจายังไม่สามารถบรรลุผล แต่ปธน.ไบเดนกล่าวว่าการประชุมเมื่อวันอังาร (9 พ.ค.) เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับเปิดเผยว่านายแมคคาร์ธีกล่าวในระหว่างการประชุมว่า “สหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้อย่างแน่นอน” และทุกคนในที่ประชุมครั้งนี้ต่างก็เข้าใจถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

ทางด้านนายแมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า "ผมยังไม่เห็นความคืบหน้าใหม่ ๆ และผมขอตำหนิปธน.ไบเดนที่ไม่ยอมรับข้อเสนอในระหว่างการเจรจาจนกระทั่งเวลาหมดลง ซึ่งนั่นไม่ใช่วิถีของการปกครองประเทศ"

ก่อนหน้านี้ นายแมคคาร์ธีระบุว่า การเพิ่มเพดานหนี้จะต้อง “แลกเปลี่ยน” กับการที่รัฐบาลต้องยอมปรับลดงบประมาณรายจ่าย ซึ่งนั่นเป็นข้อเสนอที่ปธน.ไบเดนไม่สามารถยอมรับได้ โดยไบเดนกล่าวว่า การเพิ่มเพดานหนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเจรจาต่อรอง

“และในที่สุด วันที่เราไม่สามารถชำระหนี้ก็จะมาถึง” นางเยนเลนกล่าวเตือน หากการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ไม่สำเร็จ

รับไม่ได้ที่สภาล่างให้เพิ่มเพดานหนี้แบบมีเงื่อนไข

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 217 ต่อ 215 ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ แต่คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะใช้สิทธิ์วีโต (veto) เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวหากผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้มีการพ่วงข้อเสนอให้รัฐบาลสหรัฐลดการใช้จ่ายในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ โดยโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ล่าสุดว่ารัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงปลายเดือนก.ค.2566

ทั้งนี้ เพดานหนี้ คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ

นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การผิดนัดชําระหนี้ที่ยาวนานอาจทําให้เศรษฐกิจอเมริกันเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่พร้อมทั้งอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็จะทําให้ระบบการเงินโลกที่สร้างขึ้นจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไร้เสถียรภาพ นักลงทุนต่างกําลังเตรียมพร้อมเพื่อจะรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น