SCB ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่ 80,000 ล้าน หนุน SMEs ปี66

04 มี.ค. 2566 | 02:09 น.

ไทยพาณิชย์ย้ำ ยังเฝ้าประคอง SMEs กลุ่มเปราะบาง ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3% หรือราว 6 หมื่นล้านบาท เผยมีลูกค้า 6 รายยื่นขอพักทรัพย์พักหนี้

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสผู้บริหารสูงสุดลูกค้า SMEs ธนาคาร ไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า ความต้องการสินเชื่อขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากช่วง 1-2 ปีที่เกิดโควิด-19 ทำให้การลงทุนจากภาคธุรกิจชะลอตัว โดยคาดว่า สินเชื่อเอสเอ็มอี (SMEs) ปีนี้จะเติบโต 2-3% หรือเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่เฉพาะรายใหญ่ที่มีวงเงินสินเชื่อตั้งแต่ 75-500 ล้านบาทประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาทจากพอร์ตสินเชื่อคงค้างกว่า 4 แสนล้านบาท

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสผู้บริหารสูงสุดลูกค้า SMEs ธนาคาร ไทยพาณิชย์

สำหรับพอร์ตคงค้างสินเชื่อ SMEs รวมทั้งรายใหญ่และรายเล็กสิ้นปี 2565 ทั้งสิ้น 407,355 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน เป็นผลจากสินเชื่อในลูกค้ากลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการรายย่อยชั้นดีหรือ Small SMEs แต่ลดลง 0.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการชำระคืนหนี้ทั้งจากผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นบุคคลและนิติบุคคล

ส่วนลูกหนี้กลุ่มโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ พักทรัพย์พักหนี้จะจ่ายค่าเช่ามากขึ้น เพื่อไปลดยอดหนี้ตอนไถ่ถอนเมื่อครบกำหนด 3-5 ปีและยังมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกประมาณ 6 รายที่จะเข้าโครงการนี้และน่าจะเข้ามาเรื่อยๆ

ขณะที่เดือนมกราคม มีลูกค้าติดต่อกลับมา 2-3 ราย เพื่อขอชำระหนี้ จึงเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในกลุ่มโรงแรม โดยเฉพาะในภูเก็ตที่ฟื้นตัวได้ก่อน ซึ่ง SCB ดูแลเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง อย่างรายใหญ่ใช้วงเงินราว 5-6 หมื่นล้านบาท ถ้ารวมรายเล็กด้วยตกประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

 

กลยุทธ์ปี 2566 ยังคงเน้นการให้ความช่วยเหลือลูกค้าลุกขึ้นมายืนต่อได้ สำหรับรายที่มีความสามารถในการปรับตัว โดยจะดูเป็นรายๆไม่ได้ดูรวมเป็นเซ็กเตอร์ เช่น ถ้าลูกค้าต้องการเงินหนุนเวียนต้องคุยกันว่า สต๊อคจะเป็นแบบไหน, ที่มาของยอดขาย ประเภท segment ตลาดตอบกลับมาหรือยัง 

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือทางการเงินก็จะดูเป็นรายๆ เช่น ค่าแรงที่ยังแพงอยู่  แต่การปรับโครงสร้างอาจจะไม่ยาวเท่าเดิม โดยอาจปรับมาตรการให้ความช่วยเหลือเป็นรายๆ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ให้มีระยะเวลาสั้นลงเหลือ 6 เดือน ที่ผ่านมาปรับโครงสร้างหนี้ยาว 20 ปี หรือพักหนี้ 2 ปี จากช่วงโควิดที่ผ่านมาธนาคารพยายามที่จะลดมาตรฐานลง เพื่อประคองลูกค้าให้อยู่รอด

ด้านคุณภาพหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)นั้น  คุณภาพ หนี้กลุ่ม SMEs ไม่น่าห่วงเท่า 2 ปีที่ผ่านมา เพราะภาพรวมน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น แนวโน้มสิ้นปี เอ็นพีแอล ไม่น่าจะสูงไปกว่า 3%

 

"ภาพรวมผู้ประกอบการ SME มีแนวโน้มที่ดีขึ้น  โดยจะมีในส่วนที่ขอสินเชื่อเพื่อการปรับปรุงกิจการบ้าง แต่สถานการณ์ดีขึ้นมาก เมื่อก่อนกลุ่มโรงแรมจะอาศัยทัวร์จีน ตอนนี้เมื่อมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาก็เริ่มมีการเปิดกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งลูกค้าไทยพาณิชย์ดูดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวนลูกค้าเรามีน้อย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจส่งออกด้านอาหารผลไม้ที่ยังมีโอกาส ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ตัวเลขจาก EIC ประเมินการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว"นางพิกุลกล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มระยะต่อไปยังมีความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งต้องเฝ้าดูแลลูกค้าเป็นรายๆอย่างใกล้ชิด เพราะยอดขายเพิ่งจะกลับมา ธนาคารจึงยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงธนาคารตรึงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ยังให้น้ำหนักในการดูแลลูกค้าไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลุ่มเปราะบาง ขณะที่ต่างประเทศมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันทั่วโลก

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,867 วันที่ 5 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2566