คลังสยบข่าวลือ! ยันไม่เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น

02 ก.พ. 2566 | 07:49 น.

รมว.คลังสยบข่าวลือ ยันไม่เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น ชี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมาย คาดบังคับใช้ไตรมาส 2 ของปีนี้ หนุนรัฐเก็บรายได้เพิ่มปีละ 1.6 หมื่นล้านบาท

หลังจากมีกระแสข่าวในตลาดหลักทรัพย์ว่ากระทรวงการคลังจะมีการเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น ซึ่งอาจดำเนินการไม่ทันในรัฐบาลนี้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ 

 

ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมายืนยันว่า กระทรวงการคลังไม่มีการเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้นอย่างแน่นนอน โดยยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะลงประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ 

 

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจร่างกฎหมายภาษีขายหุ้น เสร็จแล้ว รอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ตามแผนเดิมของกระทรวงการคลัง ต้องการให้ภาษีขายหุ้นที่จะจัดเก็บในอัตรา 0.11% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย (รวมภาษีท้องถิ่นไปแล้ว) 

คาดว่าจะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ภายในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งเมื่อมีการจัดภาษีตัวนี้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้ต่อปีประมาณ 1.5-1.6  หมื่นล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม ในปีแรกของการบังคับใช้กฎหมายภาษีฉบับนี้ จะจัดเก็บในอัตราครึ่งหนึ่งของที่กฎหมายกำหนด คือจะจัดเก็บในอัตรา 0.055 % (รวมภาษีท้องถิ่นไปแล้ว) เพื่อให้เวลาปรับตัวสำหรับนักลงทุน

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติร่าง พระราชกฤษฎีกา การจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว  ซึ่งความจริงภาษีขายหุ้น มีกำหนดอยู่ในประมวลรัษฎากร ของกรมสรรพากรอยู่แล้ว แต่มีการยกเว้นไม่ได้นำมาใช้ เป็นเวลานานถึง 40 ปี เพื่อสนับสนุนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

"เมื่อปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์เติบโตแข็งแรงขึ้น จำเป็นต้องยกเลิก การยกเว้นภาษีดังกล่าว เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางภาษี ระหว่างคนที่มีรายได้จากการทำงานตามปกติ ที่มีภาระต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับคนที่มีรายได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้รับการยกเว้นเงินได้มาอย่างยาวนาน"

อย่างไรก็ตาม กฎหมายภาษีฉบับนี้ มีข้อยกเว้น ไม่จัดเก็บภาษีสำหรับกรณีการซื้อขายหุ้นผ่าน Market Maker ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข. หรือประกันสังคม จะได้รับการยกเว้นภาษีตัวนี้  เนื่องจากเป็นกองทุนขนาดใหญ่ ที่ช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดหลักทรัพย์

ขณะที่การวิธีการจัดเก็บภาษีตัวนี้ กรมสรรพากร จะมอบให้Broker เป็นผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย นำส่งกรมสรรพากรเนื่องจาก Broker มีภาระหน้าที่ต้องจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว ในส่วนของนักลงทุนที่ถูกหักภาษีตัวนี้ ไม่ต้องนำรายได้จากการขายหุ้นไปรวมคำนวณกับรายได้ของปีนี้ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะถือเป็น Final Tax