ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล จัดงาน The Big Issue 2022 : คุมสัญญาเช่าซื้อ ลีสซิ่งสะเทือน ภายใต้ประกาศของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ฉบับใหม่ที่จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 10 มกราคม 2566 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ เช่น กำหนดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี(Effective Interest Rate) จากเดิมที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat rate) พร้อมกำหนดเพดานดอกเบี้ยสำหรับรถยนต์ใหม่ ไม่เกินอัตรา 10% ต่อปี รถยนต์ใช้แล้ว ไม่เกิน 15% ต่อปีและรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 23% ต่อปี
ขณะเดียวกันยังมีการให้ส่วนลดดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ เมื่อมีการปิดสัญญาก่อนครบกำหนดเป็นขั้นบันได้ 60-100% จากเดิมที่ให้ส่วนลด 50% ของดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระเท่านั้น
นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่ง กสิกรไทย จำกัดเปิดเผยว่า ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถของไทยปัจจุบันมีมูลค่าต่อปีที่ 2.4-2.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรถใหม่ 70% และรถใช้แล้วและรถแลกเงิน 30% ขณะที่พอร์ตของกสิกรไทยมีสัดส่วนรถใหม่ 80% และรถใช้แล้วและรถแลกเงิน 20% ซึ่งภายใต้กฎกติกาใหม่ของสคบ.จะไม่กระทบต่อสินเชื่อรถใหม่ เพราะดอกเบี้ยปัจจุบันต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ยที่สคบ.กำหนดอยู่แล้ว
โดยอัตราดอกเบี้ย Flat rate ของรถยนต์ใหม่สูงสุดอยู่ที่ 5.5% ต่อปี (เฉลี่ย 2.55-5.5%) จะไม่สูงกว่าเพดาน Effective rate ที่ 10% จะกระทบเพียงกรณีที่ดาวน์ต่ำกว่า 10% ผ่อนนาน 84 เดือน ซึ่งมีแค่ 1% เท่านั้น ดังนั้นผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถใหม่ ด้วยความเข้าใจว่า เกณฑ์ใหม่จะทำให้ดอกเบี้ยลดลงในปีหน้านั้น ไม่เป็นความจริง
“อยากแนะผู้บริโภคว่า ไม่ต้องรอเกณฑ์ใหม่ อีกทั้งดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาขึ้นจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และการจองรถใหม่บางรุ่น ต้องใช้เวลารอรับรถนาน จึงไม่ควรชะลอการตัดสินใจซื้อรถออกไป”นายธีรชาติกล่าว
ส่วนกลุ่มรถยนต์มือสอง Flat rate อยู่ที่ 2.99-9% อาจได้รับผลกระทบบางส่วน เช่น รถยนต์ปีเก่าๆ อายุมากกว่า 15 ปีที่ดอกเบี้ยปัจจุบันสูงกว่าเพดาน ผู้ประกอบการจะต้องลดดอกเบี้ยลงให้สอดรับกับเกณฑ์ และอาจนำไปสู่กระบวนการปล่อยสินเชื่อที่เข้มข้นขึ้น ส่วนรถจักรยานยนต์ดอกเบี้ยปัจจุบัน Flat rate 18-24% เกินเพดาน ยกเว้น Big bike ที่ต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ย
ประเด็นที่สำคัญสุดและน่าจะกระทบต่อตลาดลีสซิ่งในกลุ่มผู้ประกอบการและสถาบันการเงินมากกว่า กลับเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่าเมื่อลูกค้าโปะเงินก้อน ต้องการปิดบัญชีก่อนครบ กำหนดสัญญา บริษัทลีสซิ่งต้องให้ส่วนลดตามขั้นบันไดที่สูงกว่าเกณฑ์เดิม
ในมุมผู้บริโภค ถือเป็นเรื่องดี แต่จะกระทบต่อผู้ประกอบการสูง เพราะปัจจุบันมีลูกค้า 1 ใน 3 หรือ สัดส่วนราว 30% มีการโปะปิดบัญชีก่อน ส่วนหนึ่งเพราะต้องการเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ๆ หรือขายรถเก่า ซื้อรถใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงทางต้นทุนทางการเงิน ที่จะผันผวนตามอัตราดอกเบี้ยขึ้นลงในอนาคตมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจเช่า-ซื้อรถยนต์ไม่ได้ดอกเบี้ยลอยตัวเหมือนสินเชื่อบ้าน
“เทียบลูกค้าซื้อรถใหม่กู้ 5 แสนบาท ผ่อน 60 งวด จำนวนดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 62,500 บาท แต่ถ้าลูกค้าอยากปิดบัญชี ในขณะที่ผ่อนมา 1 ใน 3 ดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ คิดเป็นเงิน 44,000 บาท ตามเกณฑ์เดิมจะได้ลดส่วนดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนด 50% หรือราว 22,000 บาท แต่เกณฑ์ใหม่ให้ส่วนลดเพิ่มขึ้นเป็น 60% เกิดส่วนต่างจากเกณฑ์เดิมราว 4,400 บาท” นายธีรชาติกล่าว
นายจตุฤทธิ์ จันทรกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย แคปปิตอล พลัส จำกัด กล่าวว่า บริการการเงินภายใต้ สบายแคปปิตอล ่ให้บริการด้านสินเชื่อกับหลากหลายธุรกิจ รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รถบรรทุก ซึ่งหลังประกาศฉบับใหม่ของสคบ.ได้รวบรวมข้อมูลที่มีในระบบพบว่า เหลือลูกค้าเพียง 1.8 แสนรายเท่านั้น ที่เป็นลูกค้าคุณภาพสำหรับการบริการสินเชื่อ จากฐานลูกค้าของ SABUY 50 ล้านคน
“ถามว่า จำนวนลูกค้านี้เพียงพอหรือไม่ ต้องตอบว่า เพียงพอ เพราะในเบื้องต้นของการให้บริการ เราคงไม่ต้องการลูกค้าจำนวนมากๆ เพียงแต่มีข้อกังวลเรื่องวิธีปฏิบัติและต้นทุนของระบบในการดำเนินการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยสรุปแล้ว ผลกระทบต่อลูกค้าคงปกติ โดยเฉพาะลูกค้าชั้นดีจะไม่มีปัญหาและน่าจะเป็นผลดีกับผู้บริโภคด้วย”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในกลุ่มรถยนต์นั้น อัตราดอกเบี้ยในตลาดยังเป็นผู้นำอยู่ด้วยการแข่งขันของผู้ประกอบการ แต่หากมองในกลุ่มลูกค้าสบายที่เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ 1.8 แสนราย เหมือนมีดาบสองคม ถ้าเรามองลูกค้ามีศักยภาพอย่างเดียว จะมีอัตราการปิดบัญชี 1 ใน 3 ซึ่งกลุ่มนี้ปิดบัญชี ไม่ได้ต้องการเพื่อลดดอกเบี้ย แต่เพราะต้องการเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการเช่นเดียวกัน เพราะดอกเบี้ยก็ต้องแข่งในตลาด แล้วยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย
“จากประสบการณ์ผมมองว่า ที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีการควบคุมหรือประกาศเพดานดอกเบี้ย ส่วนใหญ่ดอกเบี้ยจะขึ้น สังเกตได้จากก่อนหน้าที่ประกาศคุมอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ผู้ให้บริการทุกรายพร้อมใจปรับอัตราดอกเบี้ยไปแตะสูงสุดของเพดาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดานควบคุม ขณะที่อัตราดอกเบี้ยขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายจตุฤทธิ์กล่าว
นายจตุฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ประกาศดังกล่าวนั้น จะไม่กระทบกลุ่มลูกค้าคุณภาพ แต่อาจมีความลังเล เพราะอยากได้ดอกเบี้ยที่ต่ำลง แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ต่ำลง ส่วนกลุ่มที่กระทบคือ ลูกค้าที่มีความสามารถต่ำกว่า ซึ่งสมัยก่อนที่ไม่มีเพดานดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นกับความเสี่ยง แต่เมื่อมีเพดานดอกเบี้ยควบคุม จะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น
ส่วนผลกระทบกับผู้ประกอบการนั้น ผู้ประกอบการรายเดิมที่มีในตลาดต้องปรับระบบ กระบวนการ ต้องเอาไอทีเข้ามาช่วยและต้องสื่อสารออกไปให้ลูกค้าทราบ ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่อย่างสบายที่เพิ่งเข้ามาในตลาดนั้นมีปัจจัยที่ต้องคิดเพิ่มเติมพอสมควร เพราะมีต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่าการมีประกาศดังกล่าวถือเป็นเรื่องดี เพราะมีความชัดเจนขึ้น และมองเห็นตลาดชัดเจนว่าจะมุ่งให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มไหน
ด้านนายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วกล่าวว่า ประกาศใหม่นี้มีผลกระทบน้อยมากกับตลาดรถยนต์มือสอง เพราะปกติผู้ประกอบการจะปล่อยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดานใหม่ที่กำหนดอยู่แล้ว แต่อาจจะยกเว้นรถยนต์เก่ามากๆ หรืออายุเกิน 15 ปี อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ส่วนรถยนต์เก่าอายุเกิน 15 ปี ราคา 1-2 แสนบาท เมื่อก่อนอาจจะดาวน์ 1-2 หมื่นบาทได้ แต่ต่อไปอาจต้องเพิ่มเงินดาวน์เป็น 4-5 หมื่นบาท เพื่อประกันความเสี่ยง ซึ่งแน่อนว่า คนกลุ่มนี้อาจจะเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลของเครดิตบูโรพบว่า คนขอสินเชื่อรถมือสองจะได้รับการอนุมัติในสัดส่วน 50:50 และจากกฎเกณฑ์ใหม่ของสคบ.อาจทำให้การอนุมัติยากขึ้นและมีโอกาสผลักดันให้คนบางส่วนหนีไปกู้หนี้นอกระบบ เพื่อจะได้รถยนต์หนึ่งคันมาใช้ในอาชีพ ทำงานสร้างรายได้ เช่น คนทำการเกษตรหรือค้าขาย โดยไม่ได้คำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูง
ในส่วนของตลาดรถยนต์ใหม่และรถมือสองปีใหม่ๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากประกาศสคบ.นี้ ดังนั้นใครที่อยากได้รถปีนี้ ก็ให้ซื้อได้เลย เพราะปัจจุบันไฟแนนซ์แข่งขันกันสูง พร้อมกดอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่ถ้าขยับไปเป็นปี 2566 โดยพิจารณาจากสถานการณ์ต่างๆ เชื่อว่า มีแนวโน้มที่สถาบันการเงินจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น
“ใครอยากได้รถยนต์ก็ซื้อในปีนี้ได้เลย เพราะดอกเบี้ยยังต่ำมากและคิดเป็นแบบ Flat Rate (ปัจจุบันแข่งกันที่ 8.5% ต่อปี) ดังนั้นต่อให้ปีหน้า มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง ก็ไม่สามารถปรับขึ้นกับลูกค้าที่ทำสัญญาซื้อขายในปีนี้ได้ จึงมองว่าการตัดสินใจเลือกซื้อรถในวันนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้ว” นายภิญโญกล่าว
ขณะที่น.ส.บุปผา ไชยพิณ นายกสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทยกล่าวว่า ผลกระทบจากการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ต้องดูว่า เป็นลูกค้ากลุ่มไหน เพราะปีนี้หลังโควิด-19 ยอดรถมอเตอร์ไซค์่มีการซื้อทั้งปีที่ 1.7 ล้านคัน โดย 20% เป็นการซื้อเงินสด ซึ่งกลุ่มนี้ไม่มีความเสี่ยงจะไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนกลุ่ม 80% ที่ต้องใช้บริการสถาบันการเงินในการปล่อย เช่าซื้อต้องดูว่าอยู่ในกลุ่มไหนด้วย
หากเป็นกลุ่มแรก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประวัติเครดิตดีอยู่แล้ว จากประวัติที่กู้ซื้ออะไรก็ตาม จ่ายสินค้าตรงตลอดเวลา กลุ่มนี้เสี่ยงน้อยที่สุด เป็นกลุ่มหลักประมาณ 30% มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ทำให้มีโอกาสได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเป็นผลดี กลุ่มที่สอง อาจจะมีเครดิต แต่อาจจ่ายล่าช้าบ้าง เป็นกลุ่มที่อาจมีความเสี่ยงบ้าง และกลุ่มที่สามคือ กลุ่มที่ไม่มีเครดิตเลย
“ปัจจุบันไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีการควบคุม แต่เราใช้กลไกการตลาดควบคุม จึงกำหนดดอกเบี้ยที่แตกต่าง ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการต้องมีการเตรียมการ ขณะที่ผู้บริโภคที่ได้ดอกเบี้ยนี้ ต้องมีความพร้อมในการเข้าถึงสินเชื่อด้วย ต้องรู้ว่าอยู่กลุ่มไหน เพราะถ้าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ ดอกเบี้ยได้น้อยอยู่แล้ว”
สำหรับการจะตัดสินใจซื้อรถปีหน้า เพื่อรอดอกเบี้ยใหม่นั้น กลุ่มที่ซื้อเงินสดขอให้ซื้อเลย เพราะตอนนี้ต้นทุนสูง ค่าเงินอ่อน ส่วนผู้บริโภคที่มีเครดิตไม่ตรง ก็ต้องลดความเสี่ยง เพราะถ้ารอถึงปีหน้าจะเก็บเงินพอหรือไม่ สถาบันการเงินที่อยู่ในสมาคม ถึงวันที่ประกาศมีผล อาจปรับดอกเบี้ยใหม่ ซึ่งการขอสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ยอดอนุมัติ 60% และปฏิเสธ 40%
“ขณะนี้ยังเห็นเหรียญด้านเดียวอยู่ อาจต้องดูทิศทางจริงๆ ในไตรมาส 1 โดยเฉพาะกลุ่มกิจการเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ แต่ละคนจะปรับตัวอย่างไร ถ้าลูกค้าเข้าถึงยากขึ้น เราจะไปอย่างไร”น.ส.บุปผากล่าว
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,833 วันที่ 6 - 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565