“SAWAD-เงินติดล้อ”ประสานเสียงออมสินตั้ง Non-Bank ไม่กระทบ

14 ต.ค. 2565 | 11:54 น.

“SAWAD-เงินติดล้อ” ประสานเสียง ไม่หวั่น ธนาคาร ออมสิน ตั้งนอนแบงก์ในปี 66 ปล่อยกู้สินเชื่อส่วนบุคคล เผยสัดส่วนพอร์ต P-Loan น้อย ลูกค้าคนละกลุ่ม มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแกร่ง พร้อมรับการแข่งขันในอนาคต

จากกรณีที่ธนาคาร ออมสินประกาศเตรียมทำธุรกิจบริการด้านการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ( Non-Bank) ในปี 2566 โดยให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) และจะคิดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 20% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าตลาด 3-5% รวมถึงการมีแผนเข้ามาให้บริการสินเชื่อที่ดินและขายฝากด้วย

 

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  SAWAD เปิดเผยว่า การแข่งขันในกลุ่มธุรกิจ Non-Bank ถือว่าอยู่ในระดับสูงด้วยจำนวนบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัวหลังผ่านพ้นการกระบาดโควิดระลอกใหญ่ จึงทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มเกิดการขับเคลื่อน

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

ส่งผลต่อความต้องการของสินเชื่อส่วนบุคคลจึงปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ภาคธนาคารเล็งเห็นถึงโอกาสในเติบโตจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นได้

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพอร์ตธุรกิจของเครือศรีสวัสดิ์ ประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล 6%  ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ 35% ธุรกิจสินเชื่อบ้านและที่ดิน 36% และธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ 23% โดยสัดส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนน้อยที่สุดของบริษัท จึงคาดว่า จะไม่กระทบหากมีการจัดตั้งบริษัทนอนแบงก์ใหม่ในการทำธุรกิจดังกล่าว

 

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน และที่ดินเป็นหลัก อีกทั้งแผนการปรับโครงสร้างองค์กรที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่ง โดยจะมีการเพิ่มธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพธุรกิจเดิมตั้งแต่ปี 2566 เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเครือศรีสวัสดิ์

 

 “ที่ผ่านมาในกลุ่มอุตสาหกรรมนอนแบงก์ได้เกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่มากมาย ทำให้เกิดการแข่งขันในทุกรูปแบบและบริษัทได้พยายามปรับตัวมาโดยตลอด การที่กลุ่มแบงก์จะลงมาทำธุรกิจที่คล้ายคลึงกันจึงมองว่า เป็นธรรมชาติของการแข่งขัน ซึ่งประชาชนต่างหากที่ได้ประโยชน์และเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เขาเหล่านั้นได้เข้าถึงสินเชื่อในระบบ”นางสาวธิดากล่าว

 

สำหรับบริษัทถือว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก เพราะพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลของศรีสวัสดิ์ค่อนข้างต่ำ ซึ่งปัจจุบันบริษัทโฟกัสการหาพันธมิตรใหม่ การรุกเข้าสู่ธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทั้งเครือ โดยธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้องค์กรจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

 

ด้านนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR กล่าวว่า เงินติดล้อมั่นใจว่า จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจหลักเป็นการให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และกลุ่มผู้ใช้สินเชื่อยังเป็นคนละกลุ่มกัน โดยกลุ่มลูกค้าของเงินติดล้อเป็นกลุ่มสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ เงินติดล้อยังมีจุดแข็งในการให้บริการผ่าน “บัตรติดล้อ” บัตรกดเงินสดหมุนเวียนแบบไม่กดใช้ไม่เสียดอก ที่จะช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อทะเบียนรถสามารถกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อของตนเองผ่านตู้ ATM ของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำทั่วประเทศ ช่วยให้สามารถเข้าถึงเงินทุนในยามที่ต้องการ ได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็วและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

ที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังสามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจนายหน้าประกันภัยได้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และสามารถเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ส่งผลให้รายได้ที่มาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

“ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ธนาคารหันมาให้ความสนใจกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือเกษตรกร ที่มีหลักแหล่งรายได้ไม่แน่นอน เพื่อมีส่วนช่วยให้ประชาชนกลุ่มฐานราก (underbanked) มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบเพิ่มขึ้น ส่วนด้านของผู้ประกอบการ non-bank จำเป็นต้องปรับตัวและสร้างพื้นฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถรองรับการแข่งขันทางธุรกิจได้ในอนาคต ซึ่งเงินติดล้อให้ความสำหรับกับการสร้างพื้นฐานธุรกิจโดยใช้นวัตกรรมอยู่ก่อนหน้าแล้ว จึงมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”นายปิยะศักดิ์กล่าว

 TIDLOR