KEY
POINTS
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เดินหน้าบูรณาการข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อย่างเข้มข้น หลังคณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีสำคัญ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ มูลค่ารวมกว่า 10,165 ล้านบาท, โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกและผลักดันการยกระดับกฎเกณฑ์ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ประชุมหารือร่วมกับ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. และคณะผู้บริหาร เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อมูลเชิงลึกของเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของ ปปง. ซึ่งปฏิบัติการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการ "ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ"
การหารือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัล และประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่ง ปปง. ได้ส่งข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมในตลาดทุนให้ ก.ล.ต. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทรัพย์สินที่ยึดและอายัดมูลค่ากว่า 10,165 ล้านบาทนั้น มาจากการกระทำความผิดใน 4 กลุ่มคดีใหญ่, โดยคดีที่มีมูลค่าสูงสุดคือคดีนางสาวแตงไทยฯ กับพวก ซึ่งเชื่อมโยงกับ นายยิม เลียก และ นายเบน สมิธ, ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้สั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน 66 รายการ รวมมูลค่าสูงถึง 9,279 ล้านบาท
โดยทรัพย์สินที่ถูกยึดรวมถึง ที่ดิน ห้องชุด และที่สำคัญคือ หลักทรัพย์หรือหุ้น เช่น หุ้นของบริษัทบางจาก ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังได้หารือเพื่อ ผลักดันการปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์โดยเร็ว เพื่อยกระดับการมีเครื่องมือในการตรวจสอบการทำธุรกรรม ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพิจารณาได้แก่:
เลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า การหารือนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการ ปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้เป็นเส้นทางฟอกเงิน และเสริมความเข้มแข็งให้กับระบบกำกับดูแลและการคุ้มครองประชาชนในตลาดทุนและการลงทุนของประเทศ
ทั้งนี้ ปปง. และ ก.ล.ต. จะร่วมกันสร้างระบบการเงินและตลาดทุนที่ปลอดภัย โปร่งใส และไม่เปิดช่องให้อาชญากรใช้เป็นเส้นทางฟอกเงิน เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบการลงทุนให้มีความยั่งยืนในระยะยาว