ปปง. ผนึก ก.ล.ต. สกัดฟอกเงินตลาดทุน ลุยขยายผลปมคดียึดทรัพย์หมื่นล้าน

04 ธ.ค. 2568 | 09:12 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ธ.ค. 2568 | 09:19 น.

ปปง. และ ก.ล.ต. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ ยึดและอายัดทรัพย์กว่า 10,165 ล้านบาท จากเครือข่าย 'ยิม เลียก-เบน สมิธ' โดยเฉพาะหุ้นบางจากมูลค่า 6 พันล้าน พร้อมเร่งยกระดับกฎเกณฑ์ตรวจสอบ Ultimate-Beneficiary และ Travel Rule ปิดช่องโหว่ฟอกเงินตลาดทุน

KEY

POINTS

  • ปปง. และ ก.ล.ต. ร่วมมือกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสกัดกั้นการฟอกเงินในตลาดทุน
  • ความร่วมมือนี้เป็นการขยายผลจากการยึดทรัพย์สินเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีทรัพย์สินเป็นหลักทรัพย์และหุ้นรวมอยู่ด้วย
  • ทั้งสองหน่วยงานจะผลักดันการยกระดับกฎเกณฑ์เพื่อปิดช่องโหว่การฟอกเงิน เช่น การตรวจสอบเส้นทางเงิน (Travel Rule) และการหาผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เดินหน้าบูรณาการข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อย่างเข้มข้น หลังคณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีสำคัญ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ มูลค่ารวมกว่า 10,165 ล้านบาท, โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกและผลักดันการยกระดับกฎเกณฑ์ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ประชุมหารือร่วมกับ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. และคณะผู้บริหาร เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อมูลเชิงลึกของเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของ ปปง. ซึ่งปฏิบัติการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการ "ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ"

การประสานงานเพื่อขยายผลยึดทรัพย์

การหารือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัล และประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่ง ปปง. ได้ส่งข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมในตลาดทุนให้ ก.ล.ต. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทรัพย์สินที่ยึดและอายัดมูลค่ากว่า 10,165 ล้านบาทนั้น มาจากการกระทำความผิดใน 4 กลุ่มคดีใหญ่, โดยคดีที่มีมูลค่าสูงสุดคือคดีนางสาวแตงไทยฯ กับพวก ซึ่งเชื่อมโยงกับ นายยิม เลียก และ นายเบน สมิธ, ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้สั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน 66 รายการ รวมมูลค่าสูงถึง 9,279 ล้านบาท

โดยทรัพย์สินที่ถูกยึดรวมถึง ที่ดิน ห้องชุด และที่สำคัญคือ หลักทรัพย์หรือหุ้น เช่น หุ้นของบริษัทบางจาก ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท

ผลักดันการยกระดับกฎเกณฑ์ป้องกันการฟอกเงิน

นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังได้หารือเพื่อ ผลักดันการปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์โดยเร็ว เพื่อยกระดับการมีเครื่องมือในการตรวจสอบการทำธุรกรรม ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพิจารณาได้แก่:

  • การตรวจสอบเส้นทางเงินผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่ทำหน้าที่ตัวกลาง หรือ Travel Rule
  • การตรวจสอบผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (Ultimate-Beneficiary) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการจัดโครงสร้างในเชิงธุรกิจที่ซับซ้อน
  • การสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (KYC/CDD) เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน

เลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า การหารือนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการ ปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้เป็นเส้นทางฟอกเงิน และเสริมความเข้มแข็งให้กับระบบกำกับดูแลและการคุ้มครองประชาชนในตลาดทุนและการลงทุนของประเทศ

ทั้งนี้ ปปง. และ ก.ล.ต. จะร่วมกันสร้างระบบการเงินและตลาดทุนที่ปลอดภัย โปร่งใส และไม่เปิดช่องให้อาชญากรใช้เป็นเส้นทางฟอกเงิน เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบการลงทุนให้มีความยั่งยืนในระยะยาว