“ฐานเศรษฐกิจ” ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง สรรหาผู้นำองค์กร ที่มีความรู้ ความสามารถและผลงานที่โดดเด่น และเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจและสังคม เพื่อรับรางวัล The Leadership Awards 2025 ใน 10 สาขา พร้อมมอบรางวัลในงาน “Go Thailand 2026 : Beyond Survival โอกาสไทยในวิกฤต” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน
หนึ่งในรางวัลสำคัญของ The Leadership Awards 2025 ปีนี้ คือรางวัล Corporate Social Value Award ซึ่งมอบให้แก่ผู้นำที่สามารถยกระดับ “คุณค่าทางสังคม” ให้เป็น “คุณค่าทางธุรกิจ” ได้อย่างเป็นรูปธรรม และหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นที่สุด คือ“เคนอิจิ ยามาโตะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ภายใต้แนวคิดEmpowering a Sustainable Future ซึ่งผสานกลยุทธ์ด้าน ESG เข้ากับทุกส่วนของการดำเนินธุรกิจอย่างกลมกลืน
หนึ่งในความโดดเด่นสำคัญคือ การกำหนด Krungsri Net Zero Vision ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการธุรกิจภายในปี 2573 และจากทั้งหมดของบริการทางการเงินภายในปี 2593 ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับสถาบันการเงินที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับแผนธุรกิจระยะกลางที่มุ่งสู่การเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน”
ภายใต้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากพันธมิตรระดับโลกอย่างมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ธนาคารกรุงศรีอยุธยาสามารถริเริ่มผลิตภัณฑ์ด้าน Green Finance และ Sustainable Finance ให้เกิดขึ้นในตลาดไทยเป็นครั้งแรกหลายรายการ เช่น พันธบัตรเพื่อผู้ประกอบการหญิง (Krungsri Women Entrepreneurs Bond) ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก และ Blue Bond ครั้งแรกในประเทศไทย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยายังตั้งเป้าหมายการสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (SSF) จาก 100,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 250,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 ล่าสุด ณ กันยายน 2568 ธนาคารได้สนับสนุนโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมรวม247,267 ล้านบาท สะท้อนความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมและมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทยอย่างชัดเจน
ในด้านองค์ความรู้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ผลักดันโครงการสำคัญ เช่น Krungsri ESG Academy,Krungsri ESG Awards, และเวทีระดับนานาชาติ Krungsri ESG Symposium ที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลักดัน SME และภาคธุรกิจไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนแบบเป็นขั้นตอน
สำหรับเป้าหมายระยะต่อไป ยามาโตะระบุว่า บทบาทของธนาคารกำลังขยายจาก “ผู้ให้บริการทางการเงิน” ไปสู่ “พาร์ตเนอร์ด้านการเปลี่ยนผ่าน (Transition Partner)” เพื่อช่วยลูกค้าปรับตัวต่อแรงกดดันด้าน ESG จากภาครัฐ นักลงทุน และตลาดโลก ธนาคารตั้งเป้าพัฒนาเครื่องมือ Transition Finance, ESG Advisory และสร้าง Sustainable Ecosystem ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้จาก MUFG กับผู้ประกอบการไทยในทุกระดับ
เขาย้ำว่า การเป็นธนาคารไม่ใช่แค่การปล่อยสินเชื่อ แต่คือการสร้างอนาคต สร้างโอกาส และสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และนี่คือแก่นแท้ของรางวัล Corporate Social Value Award ที่เขาได้รับอย่างคู่ควร