เคนอิจิ ยามาโตะ ผู้นำแบงก์กรุงศรีฯ ที่ทำให้ “ความยั่งยืน” กลายเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจ

03 ธ.ค. 2568 | 10:19 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2568 | 10:38 น.

เคนอิจิ ยามาโตะ แห่งธนาคารกรุงศรีอยุธยา พลิกโจทย์ “ความยั่งยืน” จากต้นทุนเป็นโอกาสธุรกิจ สร้างโมเดลธนาคารยุคใหม่ที่ผสาน ESG กับกลยุทธ์องค์กรอย่างเป็นระบบ ตั้งเป้า Net Zero พร้อมผลักดันการเงินสีเขียวและองค์ความรู้สู่ SME และภาคธุรกิจไทย สู่การเติบโตที่สร้าง “คุณค่าร่วม” ให้เศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

“ฐานเศรษฐกิจ” ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง สรรหาผู้นำองค์กร ที่มีความรู้ ความสามารถและผลงานที่โดดเด่น และเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจและสังคม เพื่อรับรางวัล The Leadership Awards 2025 ใน 10 สาขา พร้อมมอบรางวัลในงาน “Go Thailand 2026 : Beyond Survival โอกาสไทยในวิกฤต” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน

หนึ่งในรางวัลสำคัญของ The Leadership Awards 2025 ปีนี้ คือรางวัล Corporate Social Value Award ซึ่งมอบให้แก่ผู้นำที่สามารถยกระดับ “คุณค่าทางสังคม” ให้เป็น “คุณค่าทางธุรกิจ” ได้อย่างเป็นรูปธรรม และหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นที่สุด คือ“เคนอิจิ ยามาโตะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ภายใต้แนวคิดEmpowering a Sustainable Future ซึ่งผสานกลยุทธ์ด้าน ESG เข้ากับทุกส่วนของการดำเนินธุรกิจอย่างกลมกลืน

หนึ่งในความโดดเด่นสำคัญคือ การกำหนด Krungsri Net Zero Vision ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการธุรกิจภายในปี 2573 และจากทั้งหมดของบริการทางการเงินภายในปี 2593 ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับสถาบันการเงินที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับแผนธุรกิจระยะกลางที่มุ่งสู่การเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน”

เคนอิจิ ยามาโตะ ผู้นำแบงก์กรุงศรีฯ ที่ทำให้ “ความยั่งยืน” กลายเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจ

ภายใต้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากพันธมิตรระดับโลกอย่างมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ธนาคารกรุงศรีอยุธยาสามารถริเริ่มผลิตภัณฑ์ด้าน Green Finance และ Sustainable Finance ให้เกิดขึ้นในตลาดไทยเป็นครั้งแรกหลายรายการ เช่น พันธบัตรเพื่อผู้ประกอบการหญิง (Krungsri Women Entrepreneurs Bond) ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก และ Blue Bond ครั้งแรกในประเทศไทย

ธนาคารกรุงศรีอยุธยายังตั้งเป้าหมายการสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (SSF) จาก 100,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 250,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 ล่าสุด ณ กันยายน 2568 ธนาคารได้สนับสนุนโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมรวม247,267 ล้านบาท สะท้อนความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมและมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทยอย่างชัดเจน

ในด้านองค์ความรู้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ผลักดันโครงการสำคัญ เช่น Krungsri ESG Academy,Krungsri ESG Awards, และเวทีระดับนานาชาติ Krungsri ESG Symposium ที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลักดัน SME และภาคธุรกิจไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนแบบเป็นขั้นตอน

สำหรับเป้าหมายระยะต่อไป ยามาโตะระบุว่า บทบาทของธนาคารกำลังขยายจาก “ผู้ให้บริการทางการเงิน” ไปสู่ “พาร์ตเนอร์ด้านการเปลี่ยนผ่าน (Transition Partner)” เพื่อช่วยลูกค้าปรับตัวต่อแรงกดดันด้าน ESG จากภาครัฐ นักลงทุน และตลาดโลก ธนาคารตั้งเป้าพัฒนาเครื่องมือ Transition Finance, ESG Advisory และสร้าง Sustainable Ecosystem ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้จาก MUFG กับผู้ประกอบการไทยในทุกระดับ

เขาย้ำว่า การเป็นธนาคารไม่ใช่แค่การปล่อยสินเชื่อ แต่คือการสร้างอนาคต สร้างโอกาส และสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และนี่คือแก่นแท้ของรางวัล Corporate Social Value Award ที่เขาได้รับอย่างคู่ควร