KEY
POINTS
MTS Goldแม่ทองสุก เปิดเผยถึงทิศทางแนวโน้มราคาทองคำสัปดาห์นี้ ( 3-7 พ.ย. 68) กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มตลาดทองคำระยะสั้นยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐานต่อเนื่องจากแรงกดดันในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
แต่เฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะเป็นการลดครั้งสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังขาดความชัดเจนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างจำกัด หลังเหตุการณ์ Government Shutdown ซึ่งส่งผลให้ตลาดทองคำยังเผชิญภาวะไม่แน่นอนต่อไป
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำ คือ ความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกว่าการเจรจาอาจจบลงด้วยดี แต่เนื้อหาสำคัญกลับไม่ตรงตามที่ตลาดคาด
โดยการพูดคุยระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เน้นไปที่ประเด็นยาเสพติดเฟนทานิลมากกว่าประเด็นด้านการค้าและภาษีที่นักลงทุนให้ความสนใจ ส่งผลให้ตลาดตอบรับต่อผลการเจรจาในเชิงจำกัด
ด้านฝั่งจีน มีเพียงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการส่งออก “แร่หายาก (Rare Earth)” เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการขยายหรือเปลี่ยนแปลงในอนาคต ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ยังทรงตัวเหนือระดับสำคัญที่ 3,900 ดอลลาร์ และสามารถ ดีดกลับมายืนเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง
โดยสรุป MTS GOLD เห็นว่า ผลการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อทิศทางตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดทองคำจึงกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล และแรงขายเริ่มชะลอลงหลังราคาปรับฐานลงมาในช่วงที่ผ่านมา
ในเชิงเทคนิค การที่ราคาทองคำสามารถดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 4,000 เหรียญได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนถึงแรงซื้อในตลาด โดยประเมินว่า หากราคาทองคำสามารถปิดสัปดาห์ ไม่หลุดลงไปต่ำกว่า 4,000 เหรียญ สร้างฐานบริเวณนี้ได้ในช่วง 1 เดือนคาดว่าตลาดจะหยุดการปรับตัวลง และจะเข้าสู่ช่วง Sideway สร้างฐานราคาต่อไปได้
กรอบแนวรับ 3,980-3,900 เหรียญ แนวต้านที่ 4,080-4,150 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 61,000 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 62,000 บาท/บาททองคำ
ราคาทองล่าสุด ประกอบด้วย