ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 7-11 ก.ค. 2568 ที่ระดับ 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยในวันศุกร์ที่ 4 ก.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 มิ.ย.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 30 มิ.ย.-4 ก.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3,742 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 5,920 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 5,907 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 13 ล้านบาท)
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,110 และ 1,100 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,160 จุด ตามลำดับ โดยในวันศุกร์ที่ 4 ก.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,119.94 จุด เพิ่มขึ้น 3.47% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 37,322.61 ล้านบาท ลดลง 18.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.02% มาปิดที่ระดับ 234.54 จุด
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ตามแรงขายเพื่อปรับลดความเสี่ยงของนักลงทุนระหว่างรอติดตามประเด็นมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งใกล้สิ้นสุดการผ่อนผันในวันที่ 9 ก.ค. ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะข้อสรุปของการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐฯ ประกอบกับต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของไทย ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งจะครบกำหนดระยะผ่อนผันในวันที่ 9 ก.ค. สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนมิ.ย. บันทึกการประชุมเฟด (17-18 มิ.ย.) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ของจีน